กลิ่นเท้ายังคงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับใครหลาย ๆ คน เชื่อว่าทุกคนต้องเคยประสบกับปัญหา “เท้าเหม็น” กันมาบ้างแล้ว อยู่ที่ว่าใครจะมีกลิ่นเหม็นมากหรือน้อยเท่านั้นเอง อย่าคิดว่าปัญหานี้เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะมันอาจทำให้คุณสูญเสียความมั่นใจ และสูญเสียโอกาสดี ๆ ที่เข้ามาในชีวิตได้ เพราะต้องอย่าลืมว่า กลิ่นเท้าไม่ได้เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่มันยังส่งผลไปถึงคนรอบข้างคุณอีกด้วย
สาเหตุของกลิ่นเท้า
- ต่อมเหงื่อที่เท้า ปกติแล้วเท้าของเราจะมีต่อมเหงื่ออยู่มากกว่า 250,000 ต่อม และเป็นอวัยวะที่มีต่อมเหงื่อมากเมื่อเทียบกับอวัยวะส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ทั้งนี้เหงื่อที่ออกมาก็เพื่อทำให้ผิวเท้าของเราอ่อนนุ่มและยืดหยุ่น อีกทั้งต่อมเหงื่อที่เท้ายังสามารถผลิตเหงื่อออกมาได้ตลอดเวลาอีกด้วย โดยสามารถผลิตเหงื่อออกมาได้มากถึงสัปดาห์ละ 4.5 ลิตรเลยทีเดียว และนี่เองจึงเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดกลิ่นเท้า
- สวมใส่รองเท้าที่ปิดมิดชิดมากจนเกินไป เช่น รองเท้ากีฬา
- สวมใส่ถุงเท้าที่ไม่ใช่ผ้าฝ้าย 100% เพราะจะทำให้ระบายอากาศได้ไม่ดี จนเกิดกลิ่นอับชื้นได้
- การมีขนที่ข้อนิ้วเท้าหรือหลังเท้าก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นอับชื้นได้เช่นกัน
- เกิดจากการไม่รักษาความสะอาดของถุงเท้า ถุงน่อง และรองเท้า และการใส่ซ้ำ ๆ โดยไม่ทำความสะอาด
- สวมใส่ถุงเท้าหรือรองเท้าในขณะที่เท้าหรือถุงเท้า/รองเท้า เปียกชื้นอยู่
- เกิดจากการมีแผลเรื้อรังที่เท้า
- เกิดจากโรคเท้าเหม็น (Pitted keratolysis) หรือโรคที่เกิดจากแบคทีเรียชื่อ Micrococcus Sedentariusซึ่งเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้ที่ต้องสวมใส่รองเท้าหุ้มส้นเป็นเวลานาน ๆ ทำให้บริเวณเท้าเกิดมีเหงื่อออกเป็นจำนวนมาก จนเกิดความอับชื้น และส่งผลทำให้ผิวหนังชั้นนอกสุดของฝ่าเท้าเปื่อยยุ่ย ทำให้มีค่าความเป็นด่างสูง ซึ่งมีสภาพเหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ส่งผลให้เท้าเกิดเป็นหลุมเล็ก ๆ และเกิดกลิ่นเหม็นได้ เนื่องจากผลของการย่อยผิวหนังที่ฝ่าเท้าของแบคทีเรียทำให้ได้สารกลุ่มซัลเฟอร์ ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดกลิ่นเหม็น โดยโรคเท้าเหม็นนี้เป็นโรคที่พบได้บ่อยในเพศชายมากถึง 95% เนื่องจากผู้ชายมีเหงื่อออกมากกว่าผู้หญิง และพบได้บ่อยในภูมิประเทศเขตร้อนและเขตศูนย์สูตร เนื่องจากมีภาวะที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
วิธีแก้เท้าเหม็น
- รักษาความสะอาดของเท้า อย่าเพียงแค่ใช้น้ำเปล่าหรือน้ำสบู่จากการอาบน้ำให้ไหลผ่านเท้าเท่านั้น แต่คุณควรล้างและถูสบู่ให้ทั่วเท้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามง่ามนิ้ว ตาตุ่ม และส้นเท้า เสร็จแล้วก็เช็ดเท้าให้แห้ง บำรุงด้วยครีมเข้มข้นหรือปิโตรเลียมเจลเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนังบริเวณเท้า แต่สิ่งที่ควรระวังโดยเฉพาะเวลาเร่งรีบ คือ อย่าใส่ถุงเท้า ถุงน่อง หรือรองเท้า ทั้ง ๆ ที่ครีมซึ่งชโลมลงไปนั้นยังไม่ซึมเข้าสู่ผิวดี เพราะจะยิ่งเป็นการเพิ่มความอับชื้นและทำให้เกิดกลิ่นได้
- ขัดเท้า ขัดส้นเท้าและซอกนิ้วทุกนิ้วให้เกลี้ยงด้วยที่ขัดเท้าร่วมกับฟุตสครับ โดยขัดวนเป็นวงกลมนวดไปให้ทั่วเท้า โดยเฉพาะบริเวณผิวหนังที่หยาบหนากว่าส่วนอื่น หรือจะเลือกใช้หินพัมมิส (Pumice Stone) นำมาขัดบริเวณผิวหนังที่แข็งกระด้างด้วยก็ได้ ขัดเสร็จแล้วก็ให้ล้างออกด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ เช็ดเท้าให้แห้ง แล้วทาครีมบำรุงให้ทั่วเท้า ให้ทำสัปดาห์ละครั้ง วิธีนี้จะช่วยทำให้เท้าของคุณสะอาดมากขึ้นและยังเป็นการช่วยผ่อนคลายความเครียดไปในตัวอีกด้วย
- ล้างเท้าด้วยทีทรีออยล์ (Tea Tree Oil), น้ำมันสะระแหน่, น้ำมันยูคาลิปตัส+เกลือทะเล ก็ช่วยระงับกลิ่นเท้าได้ดี เพราะมีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แต่ควรระวังในการใช้หากคุณมีผิวที่แพ้ง่าย
- ทำความสะอาดและดูแลสุขภาพเล็บ ตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอ และควรพิถีพิถันกับการตัดเล็บให้เป็นแนวตรงเพื่อป้องกันการเกิดเล็บขบ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นในเท้าได้ ส่วนขี้เล็บตามซอกเล็บโดยเฉพาะซอกเล็บในนิ้วโป้งเท้า ก็ควรจัดการทำความสะอาดให้เรียบ อย่าให้เหลือ และควรล้างเท้าแล้วซับให้แห้งทุกครั้ง
- ใส่ถุงเท้าทุกครั้ง หากต้องสวมใส่รองเท้าปิดหัวปิดท้าย คุณควรใส่ถุงเท้าทุกครั้ง เพราะถุงเท้าจะช่วยซับเหงื่อ ทำให้เท้ามีความอับชื้นน้อยลง จึงช่วยลดการเกิดกลิ่นเท้าได้
- ถอดรองเท้าบ่อย ๆ ในระหว่างวันถ้าคุณไม่ได้ออกไปนอกออฟฟิศหรือมีงานอะไรที่เป็นทางการแล้วละก็ ให้ลองถอดถุงเท้ารองเท้าเพื่อให้เท้าได้เปลือยเปล่าบนรองเท้าแตะหรือรองเท้าลำลองบ้าง วิธีนี้จะช่วยทำให้เท้าและรองเท้าแห้ง และลดการเกิดกลิ่นอับได้
- สับเปลี่ยนรองเท้าและถุงเท้าที่สวมใส่ทุกวัน คุณควรมีรองเท้าอย่างน้อย 2-3 คู่ เพื่อใช้ใส่สลับกัน ส่วนคู่ที่ไม่ได้ใส่ก็ให้นำไปผึ่งแดดไว้ให้แห้ง
- เปลี่ยนถุงเท้าใหม่ ถ้าถุงเท้าคู่ไหนหรือชุดไหนที่คุณใส่มานานแล้ว ก็ควรทิ้งหรือเปลี่ยนใหม่ซะบ้าง และให้ลองสังเกตดูว่าถุงเท้าคู่ไหนหรือชุดไหนที่คุณเพิ่งซักตากแห้งเสร็จใหม่ ๆ แล้วยังมีกลิ่นอับ ๆ ติดอยู่ ถุงเท้าชุดนั้นก็อาจเป็นสาเหตุของกลิ่นเท้าที่ตามมาหลอกหลอนคุณอยู่ก็ได้
- แผ่นสมุนไพรดับกลิ่นเท้า เป็นแผ่นรองพื้นรองเท้าที่มีหน้าที่ช่วยซับเหงื่อ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย และยับยั้งการเกิดกลิ่นได้
- หลีกเลี่ยงการสวมใส่ถุงเท้าหรือรองเท้าในขณะที่ยังไม่แห้งสนิท และหลีกเลี่ยงการสวมใส่ถุงเท้าหรือรองเท้าในขณะที่เท้าของคุณยังเปียกชื้นอยู่
- รักษาเท้าให้แห้งอยู่เสมอ ข้อนี้สำคัญมาก คุณควรดูแลรักษาเท้าไม่ให้เปียกหรืออับชื้น ถ้าเท้าเปียกชื้นก็รีบหาอะไรมาเช็ดให้แห้ง แล้วใช้แป้งมาโรยและทาให้ทั่วเท้าอยู่เสมอ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันความอับชื้นได้
- ผงแป้งหรือผงดับกลิ่นเท้า อีกหนึ่งสิ่งที่ควรมีไว้ติดบ้าน เพราะมันสามารถช่วยระงับเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นเท้าได้ โดยให้นำมาทาให้ทั่วเท้าก่อนใส่ถุงเท้าหรือรองเท้า หรือจะนำไปโรยในรองเท้าให้ทั่วก่อนสวมใส่ด้วยก็ได้ เช่น แป้งฝุ่นทั่วไป แป้งเด็ก แป้งข้าวโพด แป้งตราเต่าเหยียบโลก แป้งโยคีซึ่งมันจะช่วยดูดซึมความชื้นจากเหงื่อได้ดีกว่าการใส่ถุงเท้าเพียงอย่างเดียว หรือจะเลือกใช้แป้งโรยเท้าโดยเฉพาะก็ได้ เช่น ผงดับกลิ่นเท้าตราอัศวินขี่ม้าขาว
- สารส้มละลายน้ำ (สเปรย์สารส้ม) หลังอาบน้ำหรือทำความสะอาดเท้าเสร็จแล้ว ให้ใช้สารส้มละลายน้ำแบบสเปรย์ นำมาฉีดลงบนบริเวณเท้าแล้วรอให้แห้ง จากนั้นทาด้วยแป้งทับอีกทีหนึ่ง หรือจะเลือกซื้อสเปรย์สารส้มแบบสำเร็จรูปมาใช้เลยก็ได้
- สเปรย์สมุนไพรดับกลิ่นเท้า เช่น สเปรย์ข่าที่ช่วยต้านเชื้อราและแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นเท้า ช่วยทำให้เท้ามีกลิ่นหอม ลดกลิ่นอับและกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ใช้ฉีดพ่นลงบนเท้าที่ทำความสะอาดดีแล้ว แล้วถูฝ่าเท้าไปมาสักครู่จนแห้ง
- สเปรย์ระงับกลิ่นเท้า (Aluminum chlorohydrate) คุณสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป แล้วนำมาฉีดพ่นให้ทั่วเท้าและฝ่าเท้าก่อนใส่ถุงเท้าทุกครั้ง สารเคมีในน้ำยาจะช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของกลิ่นเท้าได้ในระดับหนึ่ง โดยผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นเท้าที่ใช้ในปัจจุบันจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอมเป็นส่วนประกอบหลัก จัดเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมที่ใช้เพื่อบดบังกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ แต่ถ้าร่างกายมีเหงื่อออกมากและไม่ได้ล้างเท้าให้เรียบร้อยก่อนใช้ มันก็อาจทำให้เกิดกลิ่นใหม่ที่ฉุนได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ต้านเชื้อจุลินทรีย์ซึ่งสามารถทำลายและป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่น และผลิตภัณฑ์ที่ใช้กันอย่างกว้างขวางคือผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่น (deodorant) และต้านการขับเหงื่อ (antiperspirant) ซึ่งสามารถช่วยระงับกลิ่นและต้านการขับเหงื่อได้ดีและเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
- สเปรย์ดับกลิ่นรองเท้า (Polygiene Spray Ag+ หรือยี่ห้ออื่น ๆ) ใช้ฉีดพ่นดับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ภายในรองเท้าหรือตู้เก็บรองเท้าพอหมาด ๆ แล้วผึ่งให้แห้ง โดยวางไว้ในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก แต่บางคนเลือกก็ใช้สเปรย์ปรับอากาศในห้องธรรมดา ๆ นี้แหละ นำมาฉีดรองเท้า ก็ได้ผลเหมือนกัน
- โรยเบคกิ้งโซดาหรือผงฟู เบคกิ้งโซดามีคุณสมบัติช่วยดูดซับกลิ่นเหม็นในรองเท้าได้ แต่วิธีนี้จะเหมาะกับรองเท้าที่ไม่เหม็นมากเท่าไร หรือจะเลือกใช้แป้งตราเต่าเหยียบโลกหรือแป้งโยคีก็ได้ โดยนำมาโรยให้ทั่วในรองเท้าก็ได้ผลดีเหมือนกัน
- ถุงดับกลิ่นเท้า สูตรเบคกิ้งโซดาหรือผงฟู โดยให้ใช้เบคกิ้งโซดา น้ำมันหอมระเหย ผ้ายืด (เลือกใช้ผ้าบาง ๆ ที่ไม่หนามาก เช่น ผ้ายืดส่วนของแขนเสื้อ) และเชือก ขั้นตอนแรกให้นำเชือกมารัดที่แขนเสื้อด้านหนึ่ง จากนั้นให้ใส่เบคกิ้งโซดาเข้าไป แล้วเหยาะด้วยน้ำมันหอมระเหยลงไปประมาณ 2-3 หยด จากนั้นให้ใช้เชือกรัดให้แน่นเป็นอันเสร็จ แล้วนำถุงดับกลิ่นที่ได้ไปยัดใส่ในรองเท้าทิ้งไว้ วิธีนี้จะช่วยดูดซับกลิ่นเหม็นในรองเท้าได้ดี และน้ำมันหอมระเหยยังช่วยให้รองเท้ามีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วย
- ถุงดับกลิ่นเท้า สูตรตะไคร้หอม ผิวมะกรูด ถ่านป่น และสารส้มสะตุ ให้ใช้อย่างละ 1 ส่วน นำมาใส่ในถุงที่ทำจากผ้าขาวบางหรือผ้าที่มีช่องระบายอากาศ แล้วนำไปใส่ไว้ในรองเท้าหรือตู้รองเท้า จะช่วยดูดกลิ่นได้อย่างหมดจด
- ถุงชาที่ใช้แล้ว คุณอาจนำถุงชาที่ดื่มแล้วไปตากให้แห้ง แล้วนำมาใส่ไว้ในรองเท้าเพื่อช่วยดูดซับกลิ่นก็ได้
- กากกาแฟหรือทรายแมว ให้ใช้กากกาแฟหรือทรายที่ใช้รองกระบะขับถ่ายของแมว นำมาโรยลงไปในรองเท้าทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วค่อยเคาะออก ก็ช่วยดูดกลิ่นได้ดี แต่บางคนเมื่อลองใช้กากกาแฟดูแล้วผลลัพธ์ที่ได้กลับแย่ลงไปอีก ทำให้กลิ่นเท้าเหม็นมากขึ้น เลยหันมาใช้เมล็ดกาแฟแทนกากกาแฟแทน แต่ถ้าไม่มีเมล็ดกาแฟ ก็ให้ใช้กากใบชาแทนกากกาแฟก็ได้ผลเหมือนกัน ยังไงก็ไปลองไปปรับใช้กันดูนะครับ
- กระดาษหนังสือพิมพ์ก็ดูดกลิ่นได้ เพียงแค่คุณใช้กระดาษหนังสือพิมพ์แห้ง ๆ นำมาขยำ ๆ เป็นก้อนแล้วยัดใส่ลงไปในรองเท้า วิธีนี้จะช่วยลดกลิ่นเหม็นของรองเท้าลงได้บ้าง แต่ต้องทิ้งไว้หลายวันหน่อยนะ
- เกลือ ให้แช่เท้าในน้ำอุ่นผสมเกลือ เป็นอีกวิธีการง่าย ๆ ที่ได้ผลดี โดยการต้มน้ำให้เดือด ทิ้งไว้ให้พออุ่น จากนั้นใส่เกลือลงไปในน้ำที่เตรียมไว้ แล้วเอาเท้าลงไปแช่ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที หากทำทุกวันอาการเท้าเหม็นของคุณจะทุเลาลงหรืออาจหายไปเลยก็ได้
- สารส้ม ให้ใช้สารส้มแบบผงนำมาละลายผสมในน้ำอุ่น แล้วเอาเท้าลงไปแช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที หรือจะใช้สารส้มแบบก้อน นำมาขัดถูให้ทั่วเท้าทั้งซอกนิ้ว หลังเท้า และฝ่าเท้าตอนอาบน้ำก็ได้ อาบไปก็ขัดถูไป เพราะสารส้มมีคุณสมบัติในการช่วยระงับกลิ่นได้ดี
- ด่างทับทิม ให้นำด่างทับทิมมาผสมกับน้ำอุ่น แล้วเอาเท้าลงไปแช่ ในระหว่างแช่ก็ให้ขัดเท้าไปด้วย วิธีนี้ก็จะช่วยขจัดและยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้
- เบคกิ้งโซดาผสมน้ำ ให้นำเบคกิ้งโซดามาผสมกับน้ำเปล่าให้พอข้น แล้วเอามาชโลมให้ทั่วเท้า จากนั้นให้หาแปรงเล็ก ๆ หรือแปรงสีฟันเก่า ๆ ก็ได้ นำมาขัดแปรงให้ทั่วทุกซอกทุกมุมของเท้าให้สะอาด ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วค่อยล้างออก นอกจากจะช่วยฆ่าเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังเป็นการทำความสะอาดเท้าไปในตัวอีกด้วย
- ผงวุ้น ให้เลือกใช้ผงวุ้นชนิดมะนาวหรือส้มมาละลายในน้ำร้อน หลังจากผงวุ้นละลายดีแล้วให้เติมน้ำเย็นลงไปผสมให้กลายเป็นน้ำอุ่น แล้วเอาเท้าลงไปแช่ในน้ำ โดยรอจนกว่าผงวุ้นจะแข็งตัว เมื่อผงวุ้นแข็งตัวก็ให้ยกเท้าออก จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด แล้วเช็ดเท้าให้แห้ง
- น้ำส้มสายชู โดยให้เลือกใช้น้ำส้มสายชูแบบหมักธรรมชาติ ใช้ในอัตราส่วน 1/3 ถ้วยต่อน้ำอุ่น 1 กะละมังเล็ก นำมาผสมกันแล้วแช่เท้าทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที
- สารฟอกขาว คลอรีนน้ำ ให้เลือกใช้สารฟอกขาวประเภทไฮเตอร์ ประมาณ 1/4 ถ้วย นำมาเทผสมลงในน้ำอุ่น จากนั้นเอาเท้าลงไปแช่ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เช็ดเท้าให้แห้ง
- แอลกอฮอล์ล้างแผล หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วให้นำสำลีก้อนชุบแอลกอฮอล์แล้วนำมาทาให้ทั่วเท้าก่อนเข้านอน พอเช้าก็ให้ล้างออก แต่ไม่ควรทำบ่อย ๆ
- เหล้าวอดก้า เคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งของการกำจัดกลิ่นเท้า คือ การแช่เท้าในเหล้าวอดก้า ซึ่งวิธีนี้มีคนเคยลองทำมาแล้ว และมันก็ได้ผลซะด้วย
- น้ำชา ให้นำน้ำชาที่ชงด้วยน้ำอุ่นเทลงในกะละมังเล็ก ๆ ให้พอท่วมหลังเท้า แล้วแช่เท้าทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที หากทำก่อนนอนทุกคืน กรดแทนนิคที่มีอยู่ในน้ำชาจะช่วยทำให้เหงื่อที่เท้าของคุณลดลงได้ ส่งผลให้กลิ่นเท้าเหม็นหายไป แต่ถ้ากลิ่นเท้าเริ่มลดลงแล้วก็ให้ลดความถี่ในการทำลงเป็นทำอาทิตย์ละครั้งก็พอ
- ใบชาดำ ให้ใช้ใบชาดำประมาณ 5 ช้อน นำมาต้มกับน้ำประมาณ 1 แกลลอน รอให้น้ำอุ่น แล้วเอาเท้าลงไปทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที จะช่วยลดกลิ่นเท้าและช่วยลดแบคทีเรียได้ โดยให้ทำประมาณ 2 ครั้งต่อเดือน
- ถุงชาที่ใช้แล้ว ให้ใช้ถุงน้ำชาที่ชงแล้วประมาณ 4-5 ถุง ผสมกับน้ำอุ่น แล้วนำไปแช่ลงในอ่างหรือกะละมังที่ใส่น้ำอุ่นไว้ แล้วให้แช่เท้าทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที ก็จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นเท้าได้
- ขมิ้นชัน วิธีดับกลิ่นเท้าด้วยขมิ้นนั้นเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านที่ใช้กันมาแต่ช้านาน คือการนำขมิ้นชันมาหมัก โดยการนำขมิ้นชันไปแช่กับน้ำเปล่าและเกลือเล็กน้อย แล้วแช่ทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง จนได้เป็นน้ำส้มขมิ้นชัน แล้วนำมาทาที่เท้าก่อนสวมใส่ถุงเท้า วิธีนี้จะช่วยทำให้เท้าไม่เหม็นได้ แม้จะมีเหงื่อออกที่เท้ามากก็ตาม และถุงเท้าก็ไม่เหม็นอีกด้วย
- ใบสะระแหน่ ให้ใช้ใบสะระแหน่ประมาณ 2-3 กำมือ นำมาต้มในน้ำประมาณ 7 ถ้วย เมื่อน้ำเดือดแล้วให้เอามาเทลงในกะละมัง รอจนน้ำหายร้อนให้พออุ่น ๆ แล้วเอาเท้าลงไปแช่ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ในระหว่างนี้ก็ให้ใช้แปรงขัดเท้าเล็ก ๆ ขัดถูไปด้วยให้ทั่วทุกซอกทุกมุม ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดกลิ่นเท้าได้ดี อีกทั้งยังช่วยลดอาการส้นเท้าแตกได้อีกด้วย
- มะนาว วิธีดับกลิ่นเท้าด้วยมะนาวสามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่นำมะนาวมาคั้นเอาแต่น้ำ และเอาไปผสมกับน้ำเปล่าในปริมาณเท่ากัน จากนั้นใช้สำลีชุบน้ำที่ผสมแล้ว นำมาทาถูให้ทั่วฝ่าเท้า นิ้ว และตามง่ามนิ้วทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ให้ทำเช่นนี้อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง จะช่วยทำให้กลิ่นเท้าของคุณจางหายไปได้
- สูตรเกลือผสมมะนาว ขั้นตอนแรกให้ต้มน้ำร้อนผสมกับเกลือสมุทร คนให้เข้ากัน แล้วบีบน้ำมะนาวผสมลงไป จากนั้นก็เติมน้ำเย็นให้ได้น้ำอุ่นพอดี ๆ แล้วเอาเท้าลงไปแช่ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที ระหว่างแช่เท้าให้นวดเท้า ขัดเท้า ขัดเล็บไปด้วย กลิ่นเท้าจะค่อย ๆ หายไปเอง สามารถทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ แต่อย่าลืมทาครีมบำรุงผิวให้เท้าด้วยล่ะ
- สูตรขิง ข่า ผิวและน้ำมันมะกรูดหรือมะนาว และเกลือ ให้ใช้ทั้งหมดอย่างละ 1 ส่วน นำมาต้ม หลังจากนั้นรอให้อุ่น แล้วแช่เท้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที วิธีนี้หากทำเป็นประจำนอกจากจะช่วยลดกลิ่นเท้าได้แล้วยังช่วยคลายความปวดเมื่อยได้ด้วย
ขอบคุณที่มา: medthai.com
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
โทร: 053-204446-7
Facebook Page: http://bit.ly/2v665EF
Line@: https://lin.ee/8GpngQb