กรดไซยานูริก คืออะไร?

ก่อนทีเราจะไปทำความรู้จัก กรดไซยานูริก ที่เกี่ยวกับสระว่ายน้ำกัน มีใครเคยสงสัยกันไหมว่า น้ำในสระว่ายน้ำสกปรกได้อย่างไร? เราไปหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันดีกว่า

ปัจจัยที่ทำให้สระว่ายน้ำสกปรก

        สระว่ายน้ำไม่ว่าจะอยู่ในร่ม หรือว่ากลางแจ้งก็สามารถมีการปนเปื้อนได้ ส่วนมากแล้วจะมาจาก 3 ปัจจัยดังนี้

 ปัจจัยที่ 1

        คนที่ลงเล่น รวมไปถึงสัตว์เลี้ยงด้วย โดยทั่วไปแล้วคนที่ว่ายน้ำนั้น เป็นปัจจัยหลัก ๆ ของการปนเปื้อนน้ำในสระว่ายน้ำเลย เนื่องจากว่า สิ่งสกปรก และเศษเล็กเศษน้อยที่อาจติดมากับร่างกาย หรือชุดว่ายน้ำ รวมทั้งอาจเกิดจากของเสียตามร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น เหงื่อ, ปัสสาวะ หรือแม้แต่ โลชั่นกันแดด, ครีมทาผิว ที่ทามากับตัว และอาจจะมีแบคทีเรีย หรือเชื้อโรคต่าง ๆ ที่ติดมาด้วยก็มีผลเช่นกัน เนื่องจากว่า สระว่ายน้ำก็เปรียบเหมือนอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่มีคนว่ายน้ำหลาย ๆ คนมารวมกัน เพียงแค่ว่าไม่ได้มีการใช้สบู่ หรือแชมพูในการชะล้าง หรือทำความสะอาดออกไปเท่านั้นเอง จึงทำให้สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นก็อาจจะไปปนเปื้อนกับน้ำในสระว่ายน้ำได้เสมอ ดังนั้นจึงต้องมีการวตรวจเช็ค และคอยปรับค่าสารเคมีเป็นระยะ ๆ เพื่อคอยทำความสะอาด และกำจัดสิ่งปนเปื้อน

ปัจจัยที่ 2

สภาพแวดล้อม การปนเปื้อนจากสภาพแวดล้อมนั้นมีความแปรปรวนเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น สภาพอากาศ ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ รวมถึงสถานที่ตั้งของสระว่ายน้ำ ว่าเป็นสระว่ายน้ำกลางแจ้ง, สระว่ายน้ำในร่ม ปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยที่อาจควบคุมได้ยาก ในบางสถานการณ์ เพราะบางครั้งเราไม่รู้ว่ามันมาจากไหน หรือจะมาเมื่อไหร่ เช่น เศษฝุ่น, ใบไม้ ที่ลอยมากับลม หรือ สิ่งขับถ่ายจาก นก สัตว์สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และสัตว์เลื้อยคลาน รวมไปถึงแมลง เช่นกัน หรือแม้กระทั่งในช่วงที่ฝนตก น้ำที่มากับฝนบางครั้งก็มีความเป็นกรด หรือมีค่า pH ต่ำก็จะส่งผลให้สระว่ายน้ำสกปรกได้ เหมือนกันทำให้ต้องหมั่นคอยเช็คระดับค่าเคมีของน้ำอย่างสม่ำเสมอ

 ปัจจัยที่ 3

แหล่งน้ำที่ใช้เติม การเติมน้ำเข้าไปในสระว่ายน้ำใหม่ หรือเติมน้ำลงไปเพิ่มในสระที่มีน้ำอยู่แล้ว แหล่งน้ำเหล่านี้อาจมีการปนเปื้อนสารอินทรีย์ที่อยู่เป็นจำนวนมาก (เช่นสารอินทรีย์จากพืช และใบไม้ที่เน่าเปื่อย) และโลหะ (เช่นเหล็ก, แมงกานีส, แคลเซียม) หรือแม้กระทั่งน้ำที่ได้จากเทศบาลก็อาจมีสารเคมีที่แฝงมาเพิ่มเติม เช่น คลอรามีน และฟอสเฟต จึงควรวัดและตรวจเช็คน้ำทุกครั้งที่มีการเติม

 ตัวแปรที่ใช้สำหรับวัดคุณภาพของน้ำ

จากที่เรารู้ปัจจัยที่ทำให้สระว่ายน้ำสกปรกกันไปแล้วจะเห็นว่าการตรวจเช็คและวัดค่าคุณภาพน้ำเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก แล้วรู้กันหรือไม่ว่าตัวแปรอะไรบ้างที่ใช้ในการวัดคุณภาพน้ำ? ค่าตัวแปรที่เกี่ยวกับคุณภาพของน้ำ โดยทั่วไปจะมีอยู่ด้วยกัน 7 ตัว ซึ่งเป็นค่าที่จะบ่งบอกว่าน้ำในสระว่ายน้ำนั้นมีคุณสมบัติเป็นอย่างไร และมีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด ซึ่งตัวแปร ทั้ง 7 ตัวนั้นมีดังนี้

1. Free Chlorine

ค่าคลอรีนอิสระ เป็นค่าปริมาณคลอรีนที่ยังไม่ได้รวมตัวเข้ากับน้ำ ซึ่งในที่นี้หมายถึง ค่าปริมาณคลอรีนที่มีอยู่ และพร้อมสามารถฆ่าเชื้อโรค และกำจัดสิ่งปนเปื้อนที่เป็นอันตรายในสระว่ายน้ำได้ คลอรีนประเภทนี้มีความสำคัญอย่างมากในการฆ่าเชื้อโรคในสระว่ายน้ำ เพราะถ้าหากมีคลอรีนอิสระในน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ไม่สามารถกำจัดเชื้อโรค แบคทีเรีย และสารปนเปื้อนอื่น ๆ ที่ก่อตัวขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพได้เลย โดยปกติค่าที่เหมาะสมของค่าคลอรีนอิสระควรรักษาให้อยู่ในระดับที่ 1.5 – 3 ppm

2. Combine Chlorine

ค่าคลอรีนรวม เป็นค่าคลอรีนที่เกิดขึ้นมาในกระบวนการฆ่าเชื้อโรคในสระว่ายน้ำ ในระหว่างกระบวนการฆ่าเชื้อโรค คลอรีนจะจับตัวกับแบคทีเรีย หรือ สารปนเปื้อนต่าง ๆ ในน้ำ ซึ่งจะทำให้เกิดเป็นค่าคลอรีนรวมขึ้นมา รู้หรือไม่ว่ากลิ่นคลอรีนจากสระว่ายน้ำ ก็เกิดขึ้นเพราะมีคลอรีนรวมในน้ำนั่นเอง การที่มีคลอรีนรวมอยู่ในน้ำในสระว่ายน้ำ หมายความว่า คลอรีนอิสระกำลังฆ่าเชื้อโรค และกำจัดสารปนเปื้อนบางอย่างในน้ำอยู่นั่นเอง แต่สระว่ายน้ำที่สะอาดและผ่านการฆ่าเชื้ออย่างสมบูรณ์ควรจะมีปริมาณคลอรีนรวมกันเป็นศูนย์ หรือปริมาณคลอรีนรวมในน้ำควรน้อยกว่า 0.5 ppm

3. Total Chlorine

ค่าคลอรีนทั้งหมด คือ ผลรวมของคลอรีนอิสระ และคลอรีนรวม สำหรับสระว่ายน้ำที่สะอาด สามารถใช้ปริมาณคลอรีนทั้งหมดนี้ เป็นตัวแปรเพื่อกำหนดปริมาณคลอรีนอิสระในน้ำได้ เนื่องจากคลอรีนรวมควรมีค่าเป็นศูนย์ แต่อย่างไรก็ตามหากมีคลอรีนรวมอยู่ในน้ำควบคู่ไปกับคลอรีนอิสระจะทำให้การวัดคลอรีนทั้งหมดควบคุมได้ยาก เนื่องจากปริมาณคลอรีนอิสระ และคลอรีนรวมที่แตกต่างกันจึงไม่สามารถบอกอะไรได้มากนัก

4. pH

ค่า pH คือ ค่าความเป็นกรดด่าง หากในสระว่ายน้ำพบว่ามีค่า pH ต่ำกว่า 7.0 นั่นหมายถึงว่าน้ำในสระว่ายน้ำเริ่มมีค่าเป็นกรด แต่ถ้าหากมีค่าระดับที่สูงกว่า 7.0 หมายถึงว่าน้ำนั้นมีค่าเป็นด่าง ซึ่งหากมีค่า pH ต่ำ จะส่งผลทำให้น้ำมีความเป็นกรดสูง และสามารถกัดกร่อนอุปกรณ์สระว่ายน้ำ ต่าง ๆ ได้ รวมไปถึงพื้นผิวของสระว่ายน้ำ และยังอาจทำให้ผู้ลงเล่นน้ำเกิดการระคายเคืองอีกด้วย แต่ถ้าหากค่า pH สูงจะส่งผลให้น้ำมีค่าเป็นด่าง ทำให้เกิดการก่อตัวของคราบตะกรันบนพื้นผิว และอุปกรณ์ของสระว่ายน้ำ อาจทำให้อายุการใช้งานสั้นลงด้วย และยังลดประสิทธิภาพการทำงานของคลอรีนลงอย่างมาก จึงเป็นอีกค่าหนึ่งที่มีความสำคัญในการรักษาคุณภาพน้ำ ควรรักษาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมที่ 7.2 – 7.8

5. Total Alkalinity

ค่าความเป็นด่างรวม คือค่าที่เป็นตัวชี้วัดคุณภาพของน้ำที่มีความใกล้ชิดกับค่า pH โดยการวัดค่าตัวแปรตัวนี้ เป็นการวัดค่าของคาร์บอเนต, ไบคาร์บอเนต, ไฮดรอกไซด์ และสารอัลคาไลน์อื่น ๆ ที่พบในน้ำ ซึ่งความเป็นด่างนั้นจะช่วยป้องกันไม่ให้ค่า pH กระโดดขึ้น (หรือลง) รวดเร็วจนเกินไป ซึ่งในทางเคมีความเป็นด่างนั้นเป็นตัวยับยั้งค่า pH หากค่าความเป็นด่างรวมต่ำเกินไป ผลที่ตามมาคือสามารถทำให้น้ำมีฤทธิ์กัดกร่อนเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่หากความเป็นด่างสูงขึ้นจะทำให้ในสระว่ายน้ำเกิดคราบตระกรันสะสมมากขึ้น โดยปกติแล้วควรควบควบคุมระดับของค่าความเป็นด่างรวมให้อยู่ที่ระหว่าง 80 – 120 ppm

6. Total Hardness

ค่าความกระด้างรวม เป็นการทดสอบความกระด้างของแคลเซียม หมายถึงการวัดว่าน้ำมีความ “กระด้าง” มากน้อยเพียงใด หากน้ำมีความกระด้าง จะทำให้เกิดแคลเซียม และแมกนีเซียมในระดับสูง หากระดับเหล่านี้สูงเกินไปจะทำให้น้ำมีความอิ่มตัว และจะกำจัดอนุภาคส่วนเกินออกจากสารละลายซึ่งจะพยายามสะสมตัวเองบนพื้นผิวเกือบของสระว่ายน้ำ พวกมันสามารถดึงดูดกัน และเกาะตัวกันจนเกิดเป็นก้อนผลึกขนาดเล็ก ๆ ขึ้นตามบันได ไฟสระว่ายน้ำ แต่ถ้าหากปล่อยให้ระดับความกระด้างของแคลเซียมต่ำเกินไป น้ำจะมีความอิ่มตัวต่ำ ทำให่น้ำจะมีสภาพเป็นกรดมากยิ่งขึ้น เช่นนั้นควรรักษาระดับให้อยู่ในค่าที่แนะนำ คือความกระด้างของแคลเซียมควรอยู่ที่ 200 – 400 ppm

7. Cyanuric Acid

สระว่ายน้ำ เป็นแหล่งสถานที่ เพื่อสร้างความเพลิดเพลิน ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย หลังจากการทำงาน หรือจากการทำกิจกรรมต่างๆ รวมถึงเป็นกิจกรรม ที่ช่วยสร้างเสริมสุขภาพ ให้แข็งแรง และเมื่อมีการใช้งานสระว่ายน้ำ ก็ต้องมีการดูแลรักษาให้ถูกหลักอนามัย และสะอาดนั่นเอง เพราะสระว่ายน้ำไม่ว่าจะตั้งอยู่ในพื้นที่ร่ม หรือที่กลางแจ้งก็มักจะพบสารเคมีปนเปื้อนอยู่ด้วยเสมอ และเหตุนี้จึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาว ดังนั้นนอกจากเราจะต้องควบคุมค่า pH ในสระว่ายน้ำที่เป็นเรื่องพื้นฐาน ในการดูแลแล้ว เราจำเป็นที่จะต้องรู้ค่า ”กรดไซยานูริก” ในสระว่ายน้ำด้วยเช่นกัน

กรดไซยานูริก คืออะไร?

กรดไซยานูริก เป็นผลิตภัณฑ์ปรับสมดุล สระว่ายน้ำที่ใช้เพื่อช่วยให้ คลอรีนมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การทำงานของคลอรีน เพราะว่าคลอรีนนั้น จะมีความเสถียรในสภาพธรรมชาติ แต่จะเสื่อมสภาพเมื่อโดนแสงแดด การเติมกรดไซยานูริก จะช่วยลดผลกระทบของ แสงแดดต่อการสูญเสียคลอรีน ดังนั้นยิ่งมีปริมาณ คลอรีนอยู่ในสระว่ายน้ำนานเท่าใด ก็ยิ่งต้องใช้ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และจุลินทรีย์ในน้ำได้นานขึ้นเท่านั้น โดยปกติสระว่ายน้ำในร่มจะไม่จำเป็นต้องเติมกรดไซยานูริก เว้นแต่จะได้รับแสงแดดบ้างเป็นระยะ เมื่อมีการเติมกรดลงในน้ำหากเติมในปริมาณที่สูงเกินไป หน้าที่ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และจุลินทรีย์ รวมถึงป้องกัน สาหร่าย จะชะลอตัวลงโดยจับกับคลอรีน ทำให้ความขุ่นในสระน้ำเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงทำได้เพียงถ่ายน้ำ เพื่อลดกรด เนื่องจาก ไม่มีวิธีอื่นในการลดกรดไซยานูริก ในน้ำในสระ น้ำในสระบางส่วน จึงต้องเปลี่ยนเป็นน้ำจืด

ปริมาณกรดไซยานูริกที่เหมาะสม ดังนี้

– สระว่ายน้ำส่วนตัว 20 – 40 ppm

– สระว่ายน้ำสาธารณะ 20 – 40 ppm

– สระว่ายน้ำเค็ม 60-80 ppm แต่หากสระว่ายน้ำได้รับแสงแดดโดยตรงควรควบคุมในช่วง 80-100 ppm และควบคุม pH = 7.2

“ในอุตสาหกรรมสระว่ายน้ำ กรดไซยานูริกเป็นที่รู้จักในชื่อสารเพิ่มความคงตัวของคลอรีนหรือสารปรับสภาพสระว่ายน้ำ”

ความสัมพันธ์ระหว่างกรดไซยานูริกและคลอรีน

กรดไซยานูริก และ คลอรีน มีความสัมพันธ์ แบบแปรผันตามกัน นั่นคือ เมื่อในน้ำมีปริมาณกรดไซยานูริกสูง เท่าใดก็ทำให้ปริมาณคลอรีน ที่ใช้งานสูงขึ้นตามเท่านั้น และตามข้อกำหนดคือควรพบ ปริมาณกรดไซยานูริกไม่เกิน 50 ppm โดยปริมาณของกรดไซยานูริก และ คลอรีน จะต้องสอดคล้องกันด้วยปริมาณคลอรีน ที่ควรต่ำกว่ากรดไซยานูริกประมาณ 15-20 เท่า

สรุปคือ

กรดไซยานูริก หรือที่เรียกกันว่าตัวปรับสภาพ เป็นสารเคมี ที่ใช้สำหรับป้องกัน ไม่ให้คลอรีนเสื่อมสภาพจากการ ได้รับรังสียูวีจากดวงอาทิตย์ ถ้าหากระดับกรดไซยานูริกต่ำเกินไป จะทำให้สูญเสียความสามารถในการป้องกัน คลอรีน จาก ดวงอาทิตย์ไป แต่ถ้าหากระดับกรดไซยานูริก สูงเกินไปคลอรีนจะไม่ได้ผล เพราะจะถูกโมเลกุลของกรดไซยานูริกจับตัวไว้ ทำให้ไม่มีประสิทธิภาพที่จะทำปฏิกิริยากับสารปนเปื้อน

 

** หากสนใจหรือสอบถามราคาสามารถเข้าไปที่ www.worldchemical.co.th หรือสแกน QR Code เพื่อแอดไลน์คุยกับแอดมินของเรา สอบถามราคา หรือคำเเนะนำต่างๆ การใช้งานสารเคมีต่างๆ จำเป็นต้องมีความรู้และความชำนาญ เพราะหากเรานำมาใช้ผิดประเภท อาจก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ถ้าหากไม่มั่นใจในการเลือกใช้สารเคมีต่างๆ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

 

บริษัท เวิลด์ เคมีคอล ฟาร์อีสท์ จำกัด (จังหวัดเชียงใหม่)
261/3-6 ถ.มหิดล ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100
053-204 446-7
053-204 465
sales_worldchemical@hotmail.com