การหล่อแบบ โดยใช้ PVA – ฟิล์มน้ำเรซิ่น ในการถอดแบบ

การหล่อแบบ โดยใช้ PVA – ฟิล์มน้ำเรซิ่น ในการถอดแบบ
การหล่อแบบ โดยใช้ PVA – ฟิล์มน้ำเรซิ่น ในการถอดแบบ

การหล่อแบบ โดยใช้ PVA – ฟิล์มน้ำเรซิ่น ในการถอดแบบ เบื่องต้น เราจะมาแนะนำวิธีการทำแม่พิมพ์ โดยการใช้ยางซิลิโคน และการใช้ โพลีเอสเตอร์ เรซิ่น ในการหล่อขึ้นรูปชิ้นงานโดยการการใช้ ฟิล์มน้ำเรซิ่น ในกระบวนการหล่องานจากแม่พิมพ์ยางซิลิโคน เพื่อไม่ให้ แม่พิมพ์ ติดกับโมเดลเรซิ่น

การหล่อแบบโดยใช้แม่พิมพ์ยางซิลิโคนเป็นวิธีที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในการสร้างชิ้นงานต้นแบบ หรืองานผลิตซ้ำที่ต้องการความละเอียดสูง วัสดุที่นิยมใช้ในการหล่อคือ เรซิ่น ซึ่งสามารถให้ความละเอียดและความแข็งแรงได้ดี กระบวนการนี้เหมาะสำหรับการทำชิ้นส่วนขนาดเล็ก ประติมากรรม งานศิลปะ หรือแม้แต่งานอุตสาหกรรมที่ต้องการผลิตซ้ำในปริมาณน้อยถึงปานกลาง

         1.อุปกรณ์และวัสดุที่ใช้

1.1. แม่พิมพ์ยางซิลิโคน : ทำหน้าที่เป็นแม่พิมพ์หลักสำหรับการหล่อเรซิ่น

1.2. เรซิ่น (Resin)  : วัสดุที่ใช้เทลงในแม่พิมพ์เพื่อสร้างชิ้นงาน มีหลายประเภท เช่น เรซิ่นโพลีเอสเตอร์ เรซิ่นอีพ็อกซี่ และยูรีเทนเรซิ่น

1.3. ตัวเร่งปฏิกิริยา (Catalyst/Hardener)  : ใช้ผสมกับเรซิ่นเพื่อให้เกิดการแข็งตัว

1.4. แม่แบบ (Master Model)  : ชิ้นงานต้นแบบที่ใช้สร้างแม่พิมพ์ซิลิโคน

1.5. สารแยกแม่พิมพ์ (Mold Release)  : ช่วยให้ถอดชิ้นงานออกจากแม่พิมพ์ได้ง่ายขึ้น

1.6. เครื่องมือวัดและผสม  : เช่น ถ้วยตวง ไม้กวน หรือตาชั่งดิจิตอล

1.7. อุปกรณ์ป้องกัน  : เช่น ถุงมือ หน้ากากกันไอระเหย และแว่นตานิรภัย

         2.ขั้นตอนการทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคน

2.1. เตรียมแม่แบบ  : ทำความสะอาดแม่แบบให้สะอาดและเคลือบสารแยกแม่พิมพ์

2.2. เตรียมกล่องแม่พิมพ์ : ใช้กล่องหรือกรอบที่มีขนาดเหมาะสมเพื่อรองรับการเทซิลิโคน

2.3. ผสมและเทซิลิโคน  : ผสมซิลิโคนกับสารเร่งปฏิกิริยาตามอัตราส่วนที่กำหนด แล้วเทลงบนแม่แบบ

2.4. กำจัดฟองอากาศ  : ใช้วิธีเขย่าหรือใช้เครื่องดูดสุญญากาศเพื่อลดฟองอากาศ

2.5. รอให้ซิลิโคนแข็งตัว  : ใช้เวลาประมาณ 6-24 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับประเภทของซิลิโคน

2.6. ถอดแม่พิมพ์  : ค่อยๆ ถอดแม่พิมพ์ออกจากแม่แบบอย่างระมัดระวัง

          3.ขั้นตอนการหล่อเรซิ่น

3.1. เตรียมแม่พิมพ์ซิลิโคน : ทำความสะอาดแม่พิมพ์และเคลือบสารแยกแม่พิมพ์หากจำเป็น เช่น แวกซ์TR  วาสลีน เป็นต้น

3.2. ผสมเรซิ่นและสารเร่งปฏิกิริยา : คำนวณอัตราส่วนให้ถูกต้องเพื่อป้องกันการแข็งตัวเร็วเกินไปหรือช้าเกินไป

3.3. เทเรซิ่นลงในแม่พิมพ์ : ค่อยๆ เทเรซิ่นลงในแม่พิมพ์เพื่อป้องกันฟองอากาศ

3.4. กำจัดฟองอากาศ : ใช้วิธีเขย่าแม่พิมพ์ หรือใช้เครื่องดูดสุญญากาศ

3.5. รอให้แข็งตัว : ใช้เวลาตามประเภทของเรซิ่นที่ใช้ (ปกติ 30 นาที – 24 ชั่วโมง)

3.6. ถอดชิ้นงานออกจากแม่พิมพ์ : เมื่อเรซิ่นแข็งตัวแล้ว สามารถถอดออกจากแม่พิมพ์ได้

3.7. ขัดแต่งชิ้นงาน : ตกแต่งชิ้นงานโดยใช้กระดาษทราย ตะไบ หรือสีพ่นตามต้องการ

แนะนำอีกตัวช่วยที่ ช่วยให้ เรซิ่น ไม่ติดกับแม่พิมพ์ และลอกออกง่ายขึ้น

PVA น้ำยาถอดแบบ ขนาด 1 กิโลกรัม | World Chemical Group

PVA (พีวีเอ) เป็นน้ำยาถอดแบบขั้นสุดท้ายก่อนลงมือทำชิ้นงานไฟเบอร์กล๊าส เนื่องจากผิวที่เรียบระหว่างแม่แบบและชิ้นงานทำให้เกิดแรงเกาะตัว หรือดูดผิว ( surface Adhesion ) ที่สูงมาก ดังนั้นการถอดแม่พิมพ์ หรือ ถอดชิ้นงานจึงทำได้ยาก พีวีเอ จึงช่วยลดปัญหาการแกะชิ้นงานให้สะดวกและง่ายขึ้น

คุณสมบัติ

  • ใช้ทากันติดแม่แบบ สำหรับงานหล่อไฟเบอร์กลาส
  • ของเหลวใส
  • มีกลิ่นคล้ายแอลกอฮอล์
  • ล้างทำความสะอาดได้ด้วยน้ำเปล่า
  • ผสมแอลกอฮอล์เพื่อปรับให้เหลวขึ้นได้ในอัตราไม่เกิน 10%

การใช้งาน ใช้แปรง หรือฟองน้ำ ทาบางๆที่แม่แบบ หรือผิวชิ้นงานที่ต้องการทากันการติด แห้งใน 20 นาที

การเก็บ ควรเก็บไว้ในที่ร่ม อากาศไม่ร้อน 25-28 องศาเซลเซียส ❌ อายุการเก็บ 2 เดือน ❌

❌ คำเตือน ❌

– ระวังอย่าให้เข้าตา หรือ ถูกผิวหนัง

– ห้ามดื่ม หรือ รับประทาน

– ห้ามนำไปใช้ทำภาชนะใส่อาหาร

          4.ข้อดีของการหล่อด้วยแม่พิมพ์ซิลิโคนและเรซิ่น

ได้ชิ้นงานที่มีรายละเอียดสูงและคมชัดสามารถทำซ้ำได้หลายครั้ง แม่พิมพ์ซิลิโคนมีความยืดหยุ่นสูง ถอดชิ้นงานได้ง่าย

เรซิ่นแข็งตัวเร็ว ทำให้สามารถผลิตงานได้เร็วขึ้น

          5.ข้อควรระวัง

5.1. ควรใช้เรซิ่นในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เนื่องจากอาจมีไอระเหยที่เป็นอันตราย

5.2. การผสมเรซิ่นและตัวเร่งต้องมีความแม่นยำ เพื่อป้องกันปัญหาการแข็งตัวผิดปกติ

5.3. การใช้สารแยกแม่พิมพ์ช่วยให้ถอดชิ้นงานได้ง่ายและยืดอายุการใช้งานของแม่พิมพ์

          6.ยางซิลิโคนที่ใช้ทำแม่พิมพ์มีหลายประเภท โดยสามารถแบ่งออกเป็นหลัก ๆ ได้ 3 แบบ

ตามลักษณะและคุณสมบัติของมัน ดังนี้:

  1. ยางซิลิโคนชนิดคอนเดนเซชัน (Condensation Cure Silicone) ใช้สารเร่งปฏิกิริยา (Catalyst) เพื่อทำให้แข็งตัว มักมีการหดตัวหลังจากแข็งตัวประมาณ 1-3% ราคาถูกกว่าชนิดอื่น มีความยืดหยุ่นดี ถอดชิ้นงานออกจากแม่พิมพ์ง่าย แต่อายุการใช้งานสั้นกว่าประเภท Addition Cure จึงเหมาะสำหรับงานทั่วไปที่ไม่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น งานประดิษฐ์ งานศิลปะ หรือทำแม่พิมพ์สบู่และเทียน
  2. ยางซิลิโคนชนิดแอดดิชัน (Addition Cure Silicone) แข็งตัวโดยไม่หดตัวมาก (แทบไม่มีการหดตัว) ใช้แพลตินัมเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ทำให้มีความทนทานสูงกว่าแบบ Condensation ทนทานต่อสารเคมีและความร้อนได้ดีกว่า มีความยืดหยุ่นและทนต่อแรงฉีกขาดได้ดี มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า แต่มีราคาสูงกว่า จึงเหมาะสำหรับการทำแม่พิมพ์ที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น งานต้นแบบ งานจิวเวลรี่ งานอุตสาหกรรม หรือการทำแม่พิมพ์อาหาร (เพราะไม่มีสารตกค้างที่เป็นอันตราย)
  3. ยางซิลิโคนชนิดพิเศษ (Specialty Silicone) ออกแบบมาเฉพาะงาน เช่น ซิลิโคนสำหรับงานอาหาร (Food Grade Silicone) ใช้ทำแม่พิมพ์ช็อกโกแลต ขนม เบเกอรี่ หรือแม่พิมพ์สบู่ ซิลิโคนทนความร้อนสูง เหมาะกับการทำแม่พิมพ์ที่ต้องรองรับอุณหภูมิสูง เช่น งานหล่อโลหะหรือเรซิ่นชนิดพิเศษ ซิลิโคนใส (Clear Silicone) ใช้ในงานที่ต้องการความโปร่งใสเพื่อตรวจสอบรายละเอียดของชิ้นงานขณะหล่อ ซิลิโคนชนิดแข็งตัวเร็ว (Fast Cure Silicone) ใช้ในงานที่ต้องการลดเวลาการผลิต

สรุป

หากต้องการเลือกใช้ ยางซิลิโคนที่เหมาะสมกับงานหล่อแม่พิมพ์ ควรพิจารณาความต้องการของงาน เช่น ความแม่นยำ ความทนทาน หรือราคา

งานทั่วไป → Condensation Cure

งานที่ต้องการความละเอียดสูง → Addition Cure

งานเฉพาะทาง → Specialty Silicone

 

          7. เรซิ่นที่ใช้ในการหล่อโมเดลมีหลายประเภท

ซึ่งแต่ละแบบมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปตามการใช้งาน โดยสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ดังนี้:

  1. โพลีเอสเตอร์เรซิ่น (Polyester Resin)

คุณสมบัติ: แข็งตัวเร็ว และมีความแข็งแรงสูง มีความเปราะบางและแตกหักง่าย ราคาถูกและหาได้ง่าย มีกลิ่นแรงและปล่อยไอระเหยที่อันตราย ควรใช้ในที่อากาศถ่ายเทสะดวก

การใช้งานที่เหมาะสม: งานเรซิ่นทั่วๆ ไป เช่น งานหล่อโมเดลขนาดใหญ่ งานไฟเบอร์กลาส เช่น การเคลือบพื้นผิวและทำชิ้นส่วนยานพาหนะ

  1. อีพ็อกซี่เรซิ่น (Epoxy Resin)

คุณสมบัติ: มีความแข็งแรงและทนต่อแรงกระแทกสูง มีความใส และสามารถขัดเงาได้ดี ปล่อยไอระเหยน้อยกว่าชนิดอื่น

แห้งตัวช้ากว่าโพลีเอสเตอร์เรซิ่น แต่ให้คุณภาพงานที่ดีกว่า

การใช้งานที่เหมาะสม: งานโมเดลที่ต้องการความแข็งแรง งานเคลือบพื้นผิว หรือเคลือบไม้ งานศิลปะ เช่น การทำโต๊ะไม้เรซิ่น งานจิวเวลรี่ หรืองานที่ต้องการความใสสูง

  1. ยูรีเทนเรซิ่น (Polyurethane Resin)

คุณสมบัติ: แข็งตัวเร็วภายใน 5-30 นาที (ขึ้นอยู่กับสูตร) มีความยืดหยุ่นและทนต่อแรงกระแทกได้ดี มีหลายสีและสามารถเติมสีได้ง่าย มีอายุการใช้งานของแม่พิมพ์สั้นกว่าประเภทอื่น

การใช้งานที่เหมาะสม: งานต้นแบบโมเดลที่ต้องการผลิตซ้ำอย่างรวดเร็ว งานหล่อฟิกเกอร์ หรืองานที่ต้องการความแข็งแรงปานกลาง งานอุตสาหกรรม เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ หรือเครื่องมือ

  1. เรซิ่น UV (UVResin)

คุณสมบัติ: แข็งตัวด้วยแสง UV ภายในไม่กี่นาที มีความใสสูง สามารถทำให้เงางามได้ เหมาะกับงานที่ต้องการความละเอียดสูง ราคาสูงกว่าประเภทอื่น

การใช้งานที่เหมาะสม:  งานจิวเวลรี่ เช่น เครื่องประดับจากเรซิ่น งาน DIY ขนาดเล็ก เช่น พวงกุญแจ งานเคลือบผิวที่ต้องการความเงางาม สรุปการเลือกเรซิ่นให้เหมาะกับงาน ประเภทเรซิ่น จุดเด่น เหมาะสำหรับ โพลีเอสเตอร์เรซิ่น ราคาถูก แข็งตัวเร็ว งานทั่วไป งานไฟเบอร์กลาส อีพ็อกซี่เรซิ่น แข็งแรง ทนทาน ใส งานศิลปะ งานโมเดลคุณภาพสูง ยูรีเทนเรซิ่น แข็งตัวเร็ว ยืดหยุ่นได้ งานต้นแบบ งานฟิกเกอร์ เรซิ่น UV แข็งตัวเร็วมาก ใสเงางาม งานจิวเวลรี่ งาน DIY

หากคุณต้องการใช้เรซิ่นสำหรับงานโมเดล ควรเลือก ยูรีเทนเรซิ่น หรือ อีพ็อกซี่เรซิ่น เนื่องจากมีคุณสมบัติแข็งแรงและให้รายละเอียดที่ดี

 

 อ

 

สนใจติดต่อ เวิลด์เคมีคอล กรุ๊ป ผู้นําด้านการจําหน่ายและนำเข้า สารเคมีภัณฑ์ เคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม ขนาดใหญ่ และ ขนาดย่อม ประเภท เคมีอุตสาหกรรม เคมีทําความสะอาด เคมีสระว่ายน้ำ เคมีบำบัดน้ำ เคมีงานปั้น-งานหล่อ เคมีอาหาร กลิ่น สารสกัด สี น้ำหอม เคมีเครื่องสำอาง อาทิ กลีเซอรีน โซดาไฟเกล็ด โซเดียมเมต้าไบซัลไฟต์ เอทิลแอลกอฮอล์ ฯลฯ สารพัดด้านเคมี เวิลด์เคมิคอล กรุ๊ป พร้อมให้บริการและให้ปรึกษากับลูกค้าทุกท่าน

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Line ID : @worldchemical
Facebook : https://www.facebook.com/chemical.chiangmai
เว็บไซต์ : www.worldchemical.co.th
โทร : 053 204 446-7