เลือกใช้อย่างไรถ้าต้องเร่งดอกเร่งใบใหักับพืช ระหว่างน้ำตาลทางด่วนและกรดอะมีโน

ทำความรู้จักและข้อแตกต่างระหว่างน้ำตาลทางด่วน กับ กรดอะมีโน

เคมีภัณฑ์ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทเพื่อประโยชน์ในการทำงาน อย่างในเชิงของการทำเกษตรกรรมหรือเกษตรกรย่อมรู้จัก กรดอะมีโน และ น้ำตาลทางด่วน กันมาบ้างแล้ว เพื่อใช้ประโยชน์ในหลายๆ ด้านสำหรับการเพาะปลูก บ้างก็หาซื้อตามร้านขายเคมีภัณฑ์หรือมีการสอบถามไปยังช่องทางออนไลน์ต่างๆ ที่สะดวกและรวดเร็ว การเลือกใช้เคมีภัณฑ์มีหลายประเภทด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเคมีเครื่องสำอางค์ เคมีอาหาร เคมีสิ่งทอ “น้ำตาลทางด่วน” และ “กรดอะมิโน” ก็เป็นเคมีภัณฑ์ยอดนิยมที่ใช้ในเชิงการเกษตร แต่มีความเหมือนหรือแตกต่างอย่างไร ลองมาดูรายละเอียดเพื่อเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานกัน

น้ำตาลทางด่วน (Dextrose Monohydrate) คืออะไร

น้ำตาลทางด่วน เป็นสารให้ความหวานธรรมชาติ มีรูปแบบเป็นผลึกของน้ำตาลสีขาว ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว มีความหวานใกล้เคียงกับน้ำตาลทรายที่เราบริโภคกันในชีวิตประจำวัน ซึ่งสามารถใช้เป็นสารตั้งต้นเพื่อผลิตวิตามิน C ได้ นอกจากนี้ยังใช้ผสมทำน้ำเชื่อมชนิดต่างๆ ใช้แทนน้ำตาลหรือผสมในเครื่องดื่ม ขนมหวานต่างๆ แต่ให้แคลอรี่ต่ำกว่าน้ำตาลเล็กน้อย
การใช้งานของน้ำตาลทางด่วนในเชิงเกษตรจะนิยมนำมาฉีดพ่นให้กับไม้ผล โดยเฉพาะช่วงที่สภาพแวดล้อมไม่เอื้อต่อการเพาะปลูกตามฤดูกาลมากนัก เช่น มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน หรือเป็นช่วงหน้าแล้งไม่มีฝน การใช้น้ำตาลทางด่วนจะช่วยให้พืชดูดซึมผ่านทางใบและทำให้ต้นไม้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น เนื่องจากส่วนผสมน้ำ น้ำตาลกลูโคส เป็นแหล่งให้พลังงานที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ด้วยความที่เป็น Dextrose Monohydrate สารที่ช่วยให้พลังงานพืชทันทีโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการสังเคราะห์แสง จึงทำให้พืชฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและมีความสดชื่นมากขึ้น เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ คือเมื่อเราบริโภคน้ำตาลหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเข้าไปแล้ว จะมีความสดชื่นมากขึ้น กระปรี้กระเป่าไม่ค่อยรู้สึกอ่อนเพลีย เพราะร่างกายก็สามารถดูดซึมน้ำตาลนำไปใช้ได้ทันทีเช่นกัน

การใช้น้ำตาลทางด่วนกับพืชทางการเกษตร

น้ำตาลทางด่วน เหมาะจะใช้ในกรณีที่พืชผลเกิดความวิกฤติ หรือพืชต้นที่โทรม รวมถึงช่วงที่ต้องการสร้างความหวาน เช่น พืชมีอาการถ่ายใบ พืชสลัดดอกจากอากาศเปลี่ยนแปลง เป็นต้น ก็สามารถให้น้ำตาลทางด่วนเพื่อให้พืชกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดยการใช้งานมีหลักการดังนี้

  • ให้น้ำตาลทางด่วนกับพืชได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการสังเคราะห์แสง ใช้สำหรับเพิ่มคุณภาพและเติมความหวานให้ผักหรือผลไม้ที่ต้องการ
  • พืชสามารถนำน้ำตาลทางด่วนมาใช้ประโยชน์ได้ หลังจากฉีดพ่นตามพุ่มไม้หรือไม้ผล ประมาณ 2-3 ชั่วโมงไปแล้ว
  • เหมาะสำหรับพืชที่ต้องการใช้พลังงานมากกว่าปกติหรือต้องการซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน เช่น ช่วงฟื้นต้น หรือเร่งความหวานให้ผลไม้
  • น้ำตาลทางด่วน จะช่วยลดปัญหาการหลุดร่วงของผลเนื่องจากช่วงแรกที่พืชแบ่งอาหารสะสมของใบอ่อนระยะติดผลอ่อนแรกๆ หรืออาหารสะสมในต้นไม่เพียงพอ โดยจะไปช่วยเสริมเป็นแหล่งอาหารทำให้พืชนำน้ำตาลไปใช้ได้ทันทีก่อนผลร่วงนั่นเอง

อัตราส่วนในการใช้น้ำตาลทางด่วน เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน
สูตรเร่งตาดอก
1.น้ำตาลทางด่วน 1 กิโลกรัม
2.ฮิวมิค แอซิด 100 กรัม
3.ปุ๋ยเกล็ด สูตร 15-30-15 หรือสูตร 10-20-30 อัตรา 60 กรัม
4. ปุ๋ยเกล็ดสูตร 0-52-34 1 กก.
โดยนำธาตุอาหารทั้งสามอย่างมารวมกันแล้วผสมกับน้ำ 200 ลิตรฉีดพ่น 2-3 ครั้งห่างกันทุก 7 วัน เพื่อเร่งให้ต้นสะสมอาหารและสร้างตาดอก

สูตรเปิดตาดอก
1.น้ำตาลทางด่วน 1 กิโลกรัม
2.สาหร่ายผง 100 กรัม
3.ปุ๋ยเกล็ด โพแทสเซียมไนเตรต สูตร 13-0-46 1 กิโลกรัม
โดยนำธาตุอาหารทั้งสามอย่างมารวมกันแล้วผสมกับน้ำ 200 ลิตรฉีดพ่น 2-3 ครั้งห่างกันทุก 7 วัน

สูตรบำรุงช่อดอก
1.น้ำตาลทางด่วน 1 กิโลกรัม
2.อะมิโน แอซิด 100 กรัม
3.ปุ๋ยเกล็ด สูตร 10-52-17 1 กิโลกรัม
4.แคลเซียม โบรอน 200ซีซี
โดยนำมารวมกันแล้วผสมกับน้ำ 200 ลิตรฉีดพ่น 2-3 ครั้งห่างกันทุก 7 วัน

สูตรบำรุงผล เพิ่มความหวาน
1.น้ำตาลทางด่วน 1 กิโลกรัม
2.อะมิโน แอซิด 100 กรัม
3.ปุ๋ยเกล็ด สูตร 6-32-32 1 กิโลกรัม
4.แคลเซียม โบรอน 200ซีซี
โดยนำมารวมกันแล้วผสมกับน้ำ 200 ลิตรฉีดพ่น 2-3 ครั้งห่างกันทุก 7 วัน

ฟื้นฟูสภาพต้นหลังเก็บเกี่ยวผลหรือฟื้นฟูสภาพต้นจากการเป็นโรคพืช
พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ หลังจากฉีดพ่นตามทรงพุ่มแล้ว ประมาณ 2-3 ชั่วโมง
1.น้ำตาลทางด่วน มีส่วนผสมของน้ำตาลกลูโคส 1 กิโลกรัม
2.ฮิวมิค แอซิด 100 กรัม
3.ปุ๋ยเกล็ด สูตร 15-30-15 หรือสูตร 10-20-30 อัตรา 500 กรัม
4. สารชีวภัณฑ์ป้องกัน กำจัด กำจัดโรคพืช เช่น บาซิลลัส โปร ,บาซิลลัส ซับทิลิส ,เชื้อราไตรโคเดอร์มาและสารจับใบ ละลายในน้ำ 200ลิตร ฉีดพ่นที่บริเวณทรงพุ่มพอชุ่มเพียง 1-2 ครั้ง ในตอนเย็น จะช่วยให้ต้นไม้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

สูตรฉีดพ่นกระตุ้นการแตกใบ
1.น้ำตาลทางด่วน มีส่วนผสมของน้ำตาลกลูโคส 1 กิโลกรัม
2.ฮิวมิค แอซิด 100 กรัม 3.สาหร่ายผง 100กรัม
3.ปุ๋ยเกล็ด สูตร 46-0-0 500 กรัม
4. สารชีวภัณฑ์ป้องกัน กำจัด กำจัดโรคพืช เช่น บาซิลลัส โปร ,บาซิลลัส ซับทิลิส ,เชื้อราไตรโคเดอร์มาและสารจับใบ ละลายในน้ำ 200ลิตร ฉีดพ่นที่บริเวณทรงพุ่มพอชุ่มเพียง 1-2 ครั้ง ในตอนเย็น จะช่วยให้ต้นไม้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

สูตรฉีดพ่นบำรุงใบ
1.น้ำตาลทางด่วน 500กรัม
2.ปุ๋ยเกล็ดทางใบสูตรเสมอเช่น 15-15-15, 20-20-20 อัตรา 500กรัม
3.สาหร่าย ผง 100กรัม
4.ฮิวมิค แอซิด 100 กรัม
5.สารชีวภัณฑ์ป้องกัน กำจัด กำจัดโรคพืช เช่น บาซิลลัส โปร ,บาซิลลัส ซับทิลิส ,เชื้อราไตรโคเดอร์มาและสารจับใบ ละลายในน้ำ 200ลิตร ฉีดพ่นที่บริเวณทรงพุ่มพอชุ่ม ในตอนเย็นทุก7-10วัน

ราดทางดินหรือปล่อยไปกับระบบน้ำ
1.น้ำตาลทางด่วน 500กรัม
2.ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น 15-15-15 หรือ 16-16-16 จำนวน 2 กิโลกรัม +ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 อัตรา 2 กิโลกรัม
3.ฮิวมิค แอซิด 100 กรัม 4.สารชีวภัณฑ์ป้องกัน กำจัด กำจัดโรคพืช เช่น บาซิลลัส โปร ,บาซิลลัส ซับทิลิส ,เชื้อราไตรโคเดอร์มา ละลายในน้ำ 200 ลิตร ปล่อยไปกับระบบน้ำทุก10วัน

 

ราคานี้เฉพาะสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์เท่านั้น

 

 

 

 

กรดอะมิโน (Amino acid) คืออะไร?

กรดอะมิโน คือชีวโมเลกุลที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของโปรตีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่อยู่ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด โดยเฉพาะกรดอะมิโนสำหรับพืชที่เป็นสารตั้งต้นของเอนไซม์และฮอร์โมนที่พืชสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการเจริญเติบโต การให้กรดอะมิโนกับพืชจึงทำให้พืชสามารถนำสารอาหารต่างๆ ไปช่วยในการเติบโตและผลิดอกออกผล มีความแข็งแรงไม่เป็นโรค โตไวยิ่งขึ้น ซึ่งกรดอะมิโนสำหรับพืชมีด้วยกันถึง 18 ตัวด้วยกัน และมีหน้าที่ในการทำงานแตกต่างกันออกไป
เรียกได้ว่า “กรดอะมิโน” เป็นสารตั้งต้นของฮอร์โมนและเอนไซม์ที่พืชจำเป็นต้องสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการเติบโต แต่ถ้าหากพืชไม่สามารถผลิตกรดอะมิโนได้ตามต้องการ หรือผลผลิตไม่เป็นตามคาด เช่น ผลลูกเล็ก บิดเบี้ยว จึงจำเป็นต้องใช้กรดอะมิโนสำเร็จรูปเพื่อให้พืชนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที แบบไม่ต้องผ่านกระบวนการทางชีวเคมีที่พืชต้องสร้างขึ้นเองอีกทีหนึ่ง พูดได้ว่าเป็นสารบำรุงหรืออาหารเสิรมสำหรับพืชโดยเฉพาะ เพื่อช่วยให้มีผลผลิตที่ได้คุณภาพ ต้นแข็งแรง หรือทนต่อสภาพอากาศที่แปรปรวนได้ดีขึ้นนั่นเอง

กรดอะมิโนนำไปใช้กับพืชและการเกษตรอย่างไร

เหมาะสำหรับใช้ช่วงสะสมอาหาร ติดผลอ่อน ผลร่วงหรือดอกร่วงเนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวนหรืออาหารไม่พอเลี้ยง เป็นต้น ดังนั้นประโยชน์ของกรดอะมิโนทางการเกษตรพอสรุปได้ดังนี้
ช่วยเร่งการเจริญเติบโตในพืชแบบทุกระยะการโต และใช้ได้ทุกชนิด โดยจะช่วยในการสร้างเนื้อเยื้อ ขยายโครงสร้างและผลผลิตของพืช เพิ่มน้ำหนักผล เร่งใบเร่งราก หรือเร่งสีของผลที่ต้องการ
กรดอะมิโนช่วยเร่งให้พืชสร้างฮอร์โมนได้รวดเร็ว ทำให้มีการซ่อมแซมโครงสร้างพืชและช่วยเสริมภูมิต้านทานต่อโรคต่างๆ แมลง และสภาพอากาศ
ช่วยในการสังเคราะห์แสงของต้นพืช และบังคับการเปิด-ปิด ของปากใบพืช เพื่อลดการสูญเสียน้ำในต้น
นอกจากนี้ กรดอะมิโนยังช่วยปรับคุณภาพดินให้มีโครงสร้างที่เหมาะสมกับการเติบโตของพืชและจุลินทรีย์ในดิน ให้มีการขยายตัวที่ดี และพืชสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว

อัตราส่วนการใช้กรดอะมิโน
1.กรดอะมิโน 80 กรัม ใช้ผสมน้ำ / น้ำ 200 ลิตร
2.สามารถฉีดพ่นทางใบได้ โดยพืชดูดซึมไปใช้ได้ง่าย

สรุปความแตกต่างของน้ำตาลทางด่วน และกรดอะมีโน

หลังจากที่เข้าใจในการใช้งานและคุณสมบัติของน้ำตาลทางด่วน และกรดอะมีโนไปแล้ว ดังนั้นพอจะสรุปแบบเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ว่า
น้ำตาลทางด่วน” เปรียบเหมือนเครื่องดื่มชูกำลัง ที่เราต้องใช้น้ำตาลเพิ่มความสดชื่น ไม่อ่อนเพลียให้ร่างกาย และ “กรดอะมีโน” เปรียบเหมือนโปรตีน ที่ร่างกายต้องการเพื่อไปบำรุงให้มีการเจริญเติบโตและแข็งแรงขึ้นนั่นเอง

เวิลด์เคมีคอล กรุ๊ป ผู้นำด้านการจำหน่ายเคมีภัณฑ์คุณภาพที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ นอกเหนือจากร้านเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในเชิงการเกษตรแล้ว ยังมีเคมีสำหรับแวดวงอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกด้วย

บริษัท เวิลด์ เคมีคอล ฟาร์อีสท์ จำกัด (จังหวัดเชียงใหม่)
261/3-6 ถ.มหิดล ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100
053-204 446-7
053-204 465
sales_worldchemical@hotmail.com