คอลลาเจนเลือกแบบไหน ให้เหมาะกับผิว

คอลลาเจน เลือกแบบไหน ให้เหมาะกับผิว
คอลลาเจน เลือกแบบไหน ให้เหมาะกับผิว

คอลลาเจนเลือกแบบไหน ให้เหมาะกับผิว คอลลาเจน (Collagen) เป็นโปรตีนที่พบมากที่สุดในร่างกายมนุษย์ โดยมีบทบาทสำคัญในการรักษาความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของผิวหนัง กระดูก ข้อ และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย การใช้คอลลาเจนในเครื่องสำอางได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากประโยชน์หลายด้านที่ช่วยบำรุงผิวหนังให้ดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดี

คอลลาเจน (Collagen) เป็นโปรตีนที่สำคัญในร่างกายมนุษย์ และมีบทบาทหลักในการรักษาความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของเนื้อเยื่อต่างๆ เช่น ผิวหนัง กระดูก เส้นเอ็น และหลอดเลือด คอลลาเจนประกอบด้วยกรดอะมิโนที่สำคัญ ซึ่งช่วยเสริมสร้างโครงสร้างของร่างกาย โดยการทำหน้าที่ดังนี้:

  1. ช่วยรักษาความยืดหยุ่นและความกระชับของผิว: คอลลาเจนมีส่วนสำคัญในการสร้างโครงสร้างผิวที่แข็งแรง ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและกระชับ หากขาดคอลลาเจน จะทำให้ผิวเหี่ยวย่น และมีริ้วรอยได้ง่าย
  2. เสริมความแข็งแรงให้กับกระดูกและข้อต่อ: คอลลาเจนช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับกระดูกและข้อต่อ โดยทำให้กระดูกไม่เปราะบางและช่วยลดอาการเจ็บข้อต่อ
  3. สนับสนุนการทำงานของหลอดเลือดและหัวใจ: คอลลาเจนเป็นส่วนสำคัญในการสร้างผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่นและแข็งแรง
  4. ช่วยในกระบวนการหายของบาดแผล: คอลลาเจนมีบทบาทในการรักษาบาดแผล ช่วยสร้างเนื้อเยื่อใหม่เพื่อให้แผลหายเร็วขึ้น
  5. ช่วยเสริมสร้างเส้นผมและเล็บ: คอลลาเจนช่วยให้เส้นผมและเล็บแข็งแรงและไม่เปราะหักง่าย

การรับประทานคอลลาเจนเสริมสามารถช่วยเสริมสร้างและรักษาระดับคอลลาเจนในร่างกาย โดยเฉพาะในช่วงที่อายุเพิ่มขึ้น เพราะการผลิตคอลลาเจนในร่างกายจะลดลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น

คอลลาเจน ประโยชน์ในเครื่องสำอาง

  1. ช่วยให้ผิวกระชับและยืดหยุ่น: คอลลาเจนช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความกระชับให้กับผิว ซึ่งช่วยลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวดูกระชับและเต่งตึงขึ้น
  2. บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น: คอลลาเจนช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและไม่แห้งกร้าน
  3. ฟื้นฟูผิวที่เสียหาย: คอลลาเจนสามารถช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายจากแสงแดดหรือมลภาวะ ช่วยให้ผิวดูมีสุขภาพดีขึ้น
  4. ลดริ้วรอยและจุดด่างดำ: คอลลาเจนมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิว ซึ่งช่วยลดริ้วรอยและจุดด่างดำที่เกิดจากอายุและการเสื่อมสภาพของผิว

การใช้ คอลลาเจน ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง

คอลลาเจนสามารถพบได้ในหลากหลายรูปแบบในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เช่น:

  • ครีมทาผิว: คอลลาเจนในครีมจะช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและยืดหยุ่น
  • เซรั่ม: เซรั่มที่มีคอลลาเจนจะช่วยฟื้นฟูและบำรุงลึกถึงชั้นผิว
  • มาส์กหน้า: มาส์กที่มีคอลลาเจนสามารถช่วยเติมเต็มและฟื้นฟูผิวได้ทันที
  • คอลลาเจนในอาหารเสริม: นอกจากใช้ในผลิตภัณฑ์ทาผิว คอลลาเจนยังมีในรูปแบบอาหารเสริมที่ช่วยบำรุงผิวจากภายใน

คอลลาเจน ในเครื่องสำอางมักจะมีหลายชนิด เช่น คอลลาเจนจากปลา (Marine Collagen) หรือ คอลลาเจนจากวัว (Bovine Collagen) ซึ่งมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการดูแลผิว

ข้อควรระวัง

  • การดูดซึม: แม้ว่าการใช้คอลลาเจนในเครื่องสำอางจะช่วยบำรุงผิว แต่ผลลัพธ์อาจแตกต่างไปตามแต่ละบุคคล เนื่องจากร่างกายอาจดูดซึมคอลลาเจนจากผิวหนังได้ไม่เต็มที่
  • ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเสริม: เครื่องสำอางที่มีคอลลาเจนอาจมีส่วนผสมอื่น ๆ เช่น น้ำหอมหรือสารกันเสีย ซึ่งบางคนอาจมีอาการแพ้ได้

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคอลลาเจนควรเลือกจากแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือและทดสอบกับผิวของคุณก่อนใช้งานจริง

 

แหล่งที่มาของ คลอลาเจน

เคมีภัณฑ์,สารเคมีภัณฑ์,เคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม,เคมีภัณฑ์เชียงใหม่,ร้านเคมีใกล้ฉัน
คลอลาเจน

คอลลาเจน ที่ใช้ในเครื่องสำอางสามารถมาจากหลายแหล่งหลัก ซึ่งแต่ละแหล่งมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนี้:

  1. คอลลาเจน จากปลา (Marine Collagen)
  • แหล่งที่มา: คอลลาเจนจากปลามักจะมาจากส่วนต่าง ๆ ของปลา เช่น หนังปลา ผิวหนัง หรือเกล็ดปลา
  • ข้อดี: คอลลาเจนจากปลาเป็นแหล่งคอลลาเจนที่มีโมเลกุลเล็กที่สุด ซึ่งทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีและเร็วกว่าแหล่งอื่น ๆ และมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • เหมาะสำหรับ: คนที่ต้องการคอลลาเจนที่มีความสามารถในการบำรุงผิวให้กระชับและลดเลือนริ้วรอย
  1. คอลลาเจน จากวัว (Bovine Collagen)
  • แหล่งที่มา: คอลลาเจนจากวัวได้มาจากผิวหนัง กระดูก และเนื้อเยื่อของวัว
  • ข้อดี: คอลลาเจนจากวัวเป็นแหล่งที่พบได้ง่ายและมีราคาถูกกว่า ซึ่งมักใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ต้องการเนื้อสัมผัสที่หนาและเข้มข้น
  • เหมาะสำหรับ: ผลิตภัณฑ์ที่ต้องการให้ผิวชุ่มชื้นและดูอ่อนเยาว์
  1. คอลลาเจน จากหมู (Porcine Collagen)
  • แหล่งที่มา: คอลลาเจนจากหมูได้มาจากผิวหนังและกระดูกของหมู
  • ข้อดี: คอลลาเจนจากหมูมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับคอลลาเจนของมนุษย์มากที่สุด
  • ข้อจำกัด: บางคนอาจมีข้อจำกัดในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคอลลาเจนจากหมู เช่น ในกลุ่มคนที่เคร่งศาสนาหรือผู้ที่มีอาการแพ้
  1. คอลลาเจน จากพืช (Plant-Based Collagen)
  • แหล่งที่มา: คอลลาเจนจากพืชมักจะไม่ใช่คอลลาเจนจริง ๆ แต่เป็นสารที่ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในร่างกาย เช่น วิตามิน C, สารสกัดจากพืชบางชนิด (เช่น เมล็ดองุ่น, ว่านหางจระเข้)
  • ข้อดี: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและเหมาะกับคนที่มังสวิรัติหรือทานอาหารมังสวิรัติ
  • ข้อจำกัด: แม้ว่าจะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในร่างกาย แต่ไม่ได้เป็นคอลลาเจนโดยตรง
  1. คอลลาเจน สังเคราะห์ (Synthetic Collagen)
  • แหล่งที่มา: คอลลาเจนสังเคราะห์ผลิตจากกระบวนการทางชีวเคมีหรือวิศวกรรมพันธุกรรม
  • ข้อดี: การสังเคราะห์คอลลาเจนทำให้สามารถควบคุมคุณสมบัติของคอลลาเจนได้ดี เช่น การออกฤทธิ์ทางด้านความยืดหยุ่นและการดูดซึม
  • ข้อจำกัด: คอลลาเจนสังเคราะห์อาจมีค่าใช้จ่ายสูงและบางคนอาจมีอาการแพ้

โดยทั่วไปแล้ว คอลลาเจนที่นำมาใช้ในเครื่องสำอางมักจะมาจากแหล่งธรรมชาติ เช่น คอลลาเจนจากปลาและวัว เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับคอลลาเจนในร่างกายมนุษย์ ช่วยให้ผิวสามารถดูดซึมและฟื้นฟูได้ดี.

คอลลาเจนแบบไหนที่นิยม

คอลลาเจนที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและอาหารเสริมมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของคอลลาเจนและคุณสมบัติที่ต้องการ ดังนี้:

  1. คอลลาเจน จากปลา (Marine Collagen)
  • ประเภทที่นิยมมากที่สุดในเครื่องสำอางและอาหารเสริม
  • เหตุผลที่นิยม: คอลลาเจนจากปลา (โดยเฉพาะจากหนังปลาและเกล็ดปลา) มีโมเลกุลเล็ก ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายและเร็วกว่าแหล่งคอลลาเจนอื่น ๆ จึงมีประสิทธิภาพในการบำรุงผิว ลดริ้วรอย และเพิ่มความชุ่มชื้น
  • เหมาะสำหรับ: คนที่ต้องการให้ผิวกระชับ ดูอ่อนเยาว์ และลดเลือนริ้วรอย
  • ข้อดี: ดูดซึมได้ดี มีประสิทธิภาพสูงในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิว
  1. คอลลาเจน จากวัว (Bovine Collagen)
  • ประเภทที่นิยมรองลงมา
  • เหตุผลที่นิยม: คอลลาเจนจากวัว (โดยเฉพาะจากกระดูกและผิวหนังของวัว) มักใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นในผิว
  • ข้อดี: คอลลาเจนจากวัวมีราคาไม่สูงมาก และมีคุณสมบัติในการบำรุงผิวให้ดูดีขึ้น
  1. คอลลาเจน จากพืช (Plant-Based Collagen)
  • ประเภทที่นิยมในกลุ่มผู้ที่มังสวิรัติ
  • เหตุผลที่นิยม: แม้ว่าคอลลาเจนจากพืชจะไม่ใช่คอลลาเจนจริง ๆ แต่เป็นสารที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนเอง (เช่น วิตามิน C, สารสกัดจากเมล็ดองุ่น) ซึ่งปลอดภัยและเหมาะกับผู้ที่หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ทานอาหารมังสวิรัติหรือใส่ใจเรื่องการใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ
  • ข้อดี: ปลอดภัยจากผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เหมาะสำหรับผู้มีข้อจำกัดทางศาสนา
  1. คอลลาเจน ชนิดไฮโดรไลซ์ (Hydrolyzed Collagen)
  • ประเภทที่นิยมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและอาหารเสริม
  • เหตุผลที่นิยม: คอลลาเจนชนิดไฮโดรไลซ์ คือ คอลลาเจนที่ถูกย่อยให้โมเลกุลเล็กลง (โปรตีนขนาดเล็ก) ซึ่งทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีและเร็ว
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว เช่น ลดริ้วรอยหรือเพิ่มความชุ่มชื้น
  • ข้อดี: ดูดซึมได้ดีมากและมีประสิทธิภาพสูงในการบำรุงผิว
  1. คอลลาเจน ชนิดเปปไทด์ (Collagen Peptides)
  • ประเภทที่นิยมในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
  • เหตุผลที่นิยม: คอลลาเจนชนิดนี้เป็นรูปแบบที่ย่อยง่ายและดูดซึมได้ดีในร่างกาย มักใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ช่วยบำรุงผิวจากภายใน
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการบำรุงผิวจากภายในและเพิ่มความยืดหยุ่น
  • ข้อดี: ช่วยบำรุงทั้งผิวและข้อต่อได้ดี

คอลลาเจนที่นิยมมากที่สุดในเครื่องสำอางและอาหารเสริม คือ คอลลาเจนจากปลา (Marine Collagen) และ คอลลาเจนชนิดไฮโดรไลซ์ (Hydrolyzed Collagen) เนื่องจากมีความสามารถในการดูดซึมที่ดีและสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น กระชับผิว และลดริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ คอลลาเจนจากพืช ก็ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ที่สนใจใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติและหลีกเลี่ยงส่วนผสมจากสัตว์.

อายุของ คอลลาเจน ในร่างกายของคนเรา

อายุของคอลลาเจนในร่างกายมนุษย์ (หรือที่เรียกว่า การเสื่อมสภาพของคอลลาเจน) จะเปลี่ยนแปลงไปตามวัยและปัจจัยต่าง ๆ เช่น พันธุกรรม การดูแลสุขภาพ และการสัมผัสกับปัจจัยภายนอกเช่น แสงแดดและมลภาวะ

การเสื่อมสภาพของคอลลาเจนตามอายุ

  1. ในช่วงวัยเด็กและวัยรุ่น:
    • การผลิตคอลลาเจนในร่างกายจะสูงสุดในช่วงนี้ ผิวหนังจะเต็มไปด้วยคอลลาเจนและมีความยืดหยุ่นสูง
    • คอลลาเจนช่วยรักษาความอ่อนเยาว์ของผิว และการฟื้นฟูเนื้อเยื่อมีประสิทธิภาพดี
  2. ในช่วงอายุ 20-30 ปี:
    • การผลิตคอลลาเจนเริ่มลดลงประมาณ 1-2% ต่อปี
    • ผลกระทบจากการลดลงของคอลลาเจนเริ่มแสดงผลให้เห็นในรูปของริ้วรอยบาง ๆ หรือความยืดหยุ่นของผิวลดลงเล็กน้อย
  3. ในช่วงอายุ 30-40 ปี:
    • การผลิตคอลลาเจนในร่างกายจะลดลงอย่างชัดเจน โดยอาจลดลงประมาณ 30% หรือมากกว่านั้น
    • ผิวเริ่มบางลงและเริ่มมีริ้วรอยที่เห็นได้ชัดเจนขึ้น
  4. ในช่วงอายุ 40-50 ปี:
    • การผลิตคอลลาเจนจะลดลงอย่างมาก ผิวจะสูญเสียความยืดหยุ่นและความกระชับ
    • การลดลงของคอลลาเจนทำให้เกิดปัญหาผิวมากขึ้น เช่น ริ้วรอยลึก, ผิวหย่อนคล้อย และความแห้งกร้าน
  5. หลังอายุ 50 ปี:
    • การผลิตคอลลาเจนจะลดลงไปถึง 50% หรือมากกว่านั้น
    • ผิวจะสูญเสียความกระชับและเกิดริ้วรอยลึกมากขึ้น เนื่องจากคอลลาเจนไม่เพียงพอในการรักษาความยืดหยุ่นของผิว

ปัจจัยที่ทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

  • การสัมผัสแสงแดด (UV): รังสี UV จากแสงแดดจะทำลายคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวเสื่อมสภาพและเกิดริ้วรอยได้เร็วขึ้น
  • การสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่จะทำให้กระบวนการผลิตคอลลาเจนช้าลง และยังทำให้คอลลาเจนที่มีอยู่ในผิวหนังเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
  • มลภาวะ: มลพิษในอากาศสามารถทำลายโครงสร้างของคอลลาเจนในผิวหนัง
  • การบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม: อาหารที่มีน้ำตาลสูงหรือน้ำมันทรานส์สามารถเร่งกระบวนการเสื่อมของคอลลาเจน

วิธีชะลอการเสื่อมสภาพของ คอลลาเจน

  1. การป้องกันแสงแดด: ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง
  2. การรับประทานอาหารที่ดี: เน้นอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักและผลไม้ที่มีวิตามิน C และ E ซึ่งช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน
  3. การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว: การใช้เซรั่มหรือครีมที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนหรือเปปไทด์ที่กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน
  4. การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำลายคอลลาเจน: เช่น การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป

สรุปแล้ว คอลลาเจนในร่างกายมนุษย์จะเริ่มลดลงตั้งแต่อายุ 20 ปีและลดลงอย่างชัดเจนในช่วงวัยกลางคน การรักษาระดับคอลลาเจนในร่างกายให้สูงขึ้นสามารถทำได้โดยการดูแลสุขภาพและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน

เครื่องสำอางที่มักมีคอลลาเจนเป็นส่วนผสมหลักเพื่อช่วยในการบำรุงและฟื้นฟูผิวมีหลายประเภท ซึ่งคอลลาเจนจะช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นและความกระชับให้กับผิว นอกจากนี้ยังช่วยลดริ้วรอยและป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้นจากผิวหนัง ตัวอย่างของเครื่องสำอางที่มักพบคอลลาเจนมีดังนี้:

  1. ครีมบำรุงผิวหน้า (Face Creams)
    ครีมบำรุงผิวหน้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่พบคอลลาเจนได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะในครีมที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนในรูปแบบของคอลลาเจนไฮโดรไลซ์ (Hydrolyzed Collagen) ซึ่งช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียนและกระชับ
  2. เซรั่ม (Serums)
    เซรั่มคอลลาเจนมีความเข้มข้นสูงและถูกออกแบบมาเพื่อให้ดูดซึมเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เซรั่มที่มีคอลลาเจนมักช่วยให้ผิวหน้าฟื้นฟูและลดเลือนริ้วรอย
  3. มาส์กหน้า (Face Masks)
    มาส์กที่มีคอลลาเจน เช่น มาส์กคอลลาเจนแผ่น หรือมาส์กคอลลาเจนแบบล้างออก ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้กับผิว
  4. โลชั่นและครีมทาผิว (Body Lotions and Creams)
    เครื่องสำอางที่มีคอลลาเจนสำหรับผิวกายจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและทำให้ผิวเนียนนุ่ม คอลลาเจนมักใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปรับปรุงสภาพผิวให้ดูเรียบเนียน
  5. ครีมกันแดด (Sunscreen)
    ในบางผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดจะมีการผสมผสานคอลลาเจนเพื่อช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของผิวจากแสงแดด ซึ่งอาจทำให้ผิวมีริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
  6. ครีมลดริ้วรอย (Anti-aging Creams)
    คอลลาเจนเป็นส่วนผสมสำคัญในผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยและฟื้นฟูผิว เนื่องจากสามารถช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นและกระชับผิวที่เริ่มมีริ้วรอย
  7. ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตา (Eye Creams)
    คอลลาเจนมักพบในครีมบำรุงรอบดวงตา เพื่อช่วยลดรอยคล้ำ รอยบวม และริ้วรอยใต้ตา

การใช้เครื่องสำอางที่มีคอลลาเจนช่วยทำให้ผิวดูมีชีวิตชีวาและอ่อนเยาว์ขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและลดการเสื่อมสภาพของผิวจากการใช้งานในระยะยาว

 

 สั่งซื้อ

 

สนใจติดต่อ เวิลด์เคมีคอล กรุ๊ป ผู้นําด้านการจําหน่ายและนำเข้า สารเคมีภัณฑ์ เคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม ขนาดใหญ่ และ ขนาดย่อม ประเภท เคมีอุตสาหกรรม เคมีทําความสะอาด เคมีสระว่ายน้ำ เคมีบำบัดน้ำ เคมีงานปั้น-งานหล่อ เคมีอาหาร กลิ่น สารสกัด สี น้ำหอม เคมีเครื่องสำอาง อาทิ กลีเซอรีน โซดาไฟเกล็ด โซเดียมเมต้าไบซัลไฟต์ เอทิลแอลกอฮอล์ ฯลฯ สารพัดด้านเคมี เวิลด์เคมิคอล กรุ๊ป พร้อมให้บริการและให้ปรึกษากับลูกค้าทุกท่าน

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Line ID : @worldchemical
Facebook : https://www.facebook.com/chemical.chiangmai
เว็บไซต์ : www.worldchemical.co.th
โทร : 053 204 446-7