ชนิดของสารกรองน้ำและการเลือกใช้ให้เหมาะสม
การกรองน้ำเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้ได้น้ำสะอาด ปลอดภัยต่อการบริโภคและการใช้งาน สารกรองน้ำมีหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติและหน้าที่แตกต่างกันไป ในบทความนี้ เราจะพาทำความรู้จักกับชนิดของสารกรองน้ำและการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับการใช้งาน
1. สารกรองคาร์บอน (Activated Carbon)
สารกรองคาร์บอน หรือถ่านกัมมันต์ เป็นสารกรองที่มีคุณสมบัติเด่นในการดูดซับสารเคมี กลิ่น สี และคลอรีนในน้ำ เหมาะสำหรับการกรองน้ำดื่มหรือน้ำใช้ในครัวเรือน มีทั้งแบบผงและแบบเม็ด
การใช้งาน:
- กำจัดคลอรีน กลิ่น และสารอินทรีย์ในน้ำ
- ลดโลหะหนักบางชนิด
- ใช้ในเครื่องกรองน้ำและระบบบำบัดน้ำ
2. สารกรองเรซิน (Ion Exchange Resin)
สารกรองเรซินทำหน้าที่แลกเปลี่ยนอิออนเพื่อกำจัดแร่ธาตุแข็ง เช่น แคลเซียม (Ca) และแมกนีเซียม (Mg) ซึ่งเป็นสาเหตุของน้ำกระด้าง เหมาะสำหรับระบบน้ำที่ใช้ในบ้าน โรงแรม หรือโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการน้ำอ่อน
การใช้งาน:
- ลดความกระด้างของน้ำ
- ใช้ในเครื่องกรองน้ำ ระบบบำบัดน้ำ และอุตสาหกรรมอาหาร
3. สารกรองแมงกานีส (Manganese Sand)
สารกรองแมงกานีสมีคุณสมบัติเด่นในการกำจัดเหล็ก (Fe) และแมงกานีส (Mn) ในน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุของตะกรันและน้ำมีสีแดงหรือน้ำตาล เหมาะสำหรับบ้านเรือนที่ใช้น้ำบาดาล
การใช้งาน:
- กำจัดเหล็กและแมงกานีสในน้ำ
- ป้องกันตะกรันในระบบท่อน้ำ
- ใช้ในระบบบำบัดน้ำบาดาล
4. สารกรองแอนทราไซท์ (Anthracite)
สารกรองแอนทราไซท์มีโครงสร้างเป็นรูพรุนและมีความแข็งแรงสูง ทำให้สามารถกรองตะกอนและสารแขวนลอยในน้ำได้ดี เหมาะสำหรับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมและระบบบำบัดน้ำเสีย
การใช้งาน:
- กำจัดสารแขวนลอยและตะกอนในน้ำ
- ใช้ในระบบกรองน้ำอุตสาหกรรมและน้ำดื่ม
5. สารกรองเซรามิก (Ceramic Filter)
สารกรองเซรามิกเป็นวัสดุที่มีรูพรุนขนาดเล็ก สามารถกรองเชื้อโรค แบคทีเรีย และสารแขวนลอยในน้ำได้ดี เหมาะสำหรับการกรองน้ำดื่มที่ต้องการความสะอาดสูง
การใช้งาน:
- กรองแบคทีเรียและสารแขวนลอยในน้ำ
- ใช้ในเครื่องกรองน้ำแบบพกพาและเครื่องกรองน้ำดื่ม
6. สารกรองซิลิกาทราย (Silica Sand)
สารกรองซิลิกาทราย หรือทรายกรองน้ำ เป็นสารกรองที่ใช้สำหรับกำจัดตะกอนและสารแขวนลอยในน้ำ ใช้ในระบบกรองน้ำประปาและบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ
การใช้งาน:
- กรองตะกอนและสารแขวนลอยในน้ำ
- ใช้ในระบบกรองน้ำประปาและสระว่ายน้ำ
วิธีการคำนวณการใช้ให้เหมาะกับถังกรอง
ทำไมการเลือกถังกรองให้เหมาะสมจึงสำคัญ?
ถังกรองเป็นอุปกรณ์สำคัญในการกรองน้ำและกำจัดสิ่งสกปรกออกจากระบบน้ำ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การเลือกขนาดของถังกรองให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำที่ใช้จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น หากถังกรองมีขนาดเล็กเกินไป อาจทำให้การกรองไม่เพียงพอ ในขณะที่ถังกรองที่ใหญ่เกินไปอาจเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยไม่จำเป็น
วิธีคำนวณขนาดข องถังกรองให้เหมาะสม
1. คำนวณอัตราการไหลของน้ำ (Flow Rate)
อัตราการไหลของน้ำเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดขนาดของถังกรอง โดยสามารถคำนวณได้จากสูตร:
โดยที่:
- Q = อัตราการไหลของน้ำ (ลิตรต่อชั่วโมง หรือ ลิตรต่อนาที)
- V = ปริมาณน้ำที่ใช้ (ลิตร)
- T = เวลาที่ใช้ในการไหลของน้ำ (ชั่วโมงหรือนาที)
ตัวอย่าง: หากต้องการกรองน้ำ 10,000 ลิตรภายใน 5 ชั่วโมง อัตราการไหลของน้ำจะเป็น: ลิตรต่อชั่วโมง
2. เลือกขนาดของถังกรองที่เหมาะสม
ถังกรองแต่ละประเภทมีค่าประสิทธิภาพการกรองที่แตกต่างกัน ซึ่งเรียกว่า อัตราการกรอง (Filtration Rate) โดยทั่วไปมีค่าประมาณ 5-15 ลิตรต่อนาทีต่อตารางเมตร ขึ้นอยู่กับชนิดของสารกรองที่ใช้
หากต้องการเลือกถังกรองที่เหมาะสม สามารถคำนวณพื้นที่หน้าตัดของถังกรองได้จากสูตร:
โดยที่:
- A = พื้นที่หน้าตัดของถังกรอง (ตารางเมตร)
- Q = อัตราการไหลของน้ำ (ลิตรต่อนาที)
- F = อัตราการกรอง (ลิตรต่อนาทีต่อตารางเมตร)
ตัวอย่าง: หากอัตราการไหลของน้ำคือ 2,000 ลิตรต่อชั่วโมง (33.3 ลิตรต่อนาที) และเลือกสารกรองที่มีอัตราการกรอง 10 ลิตรต่อนาทีต่อตารางเมตร จะได้ขนาดหน้าตัดของถังกรอง: ตารางเมตร
3. คำนวณปริมาตรของถังกรอง
ปริมาตรของถังกรองขึ้นอยู่กับความสูงที่เหมาะสมของสารกรอง โดยทั่วไปความสูงของสารกรองควรอยู่ที่ประมาณ 0.8 – 1.5 เมตร
ใช้สูตรหาปริมาตรของถังกรอง:
โดยที่:
- V = ปริมาตรของถังกรอง (ลูกบาศก์เมตร)
- A = พื้นที่หน้าตัดของถังกรอง (ตารางเมตร)
- H = ความสูงของสารกรอง (เมตร)
หากเลือกความสูงของสารกรองเป็น 1.2 เมตร จะได้ปริมาตรของถังกรอง: ลูกบาศก์เมตร
ดังนั้น ควรเลือกถังกรองที่มีความจุ 4 ลูกบาศก์เมตร ขึ้นไป
ข้อสรุป
- คำนวณ อัตราการไหลของน้ำ เพื่อกำหนดขนาดของถังกรองที่เหมาะสม
- เลือก พื้นที่หน้าตัดของถังกรอง ตามอัตราการกรองของสารกรองที่ใช้
- คำนวณ ปริมาตรของถังกรอง ตามความสูงที่เหมาะสมของสารกรอง
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าถังกรองที่เลือกสามารถรองรับปริมาณน้ำที่ใช้งานได้จริง
การเลือกขนาดถังกรองที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยให้ระบบกรองน้ำทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและการบำรุงรักษาได้ในระยะยาว หากคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับขนาดที่ต้องใช้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้คำแนะนำที่ดีที่สุด
ชนิดของสารกรองน้ำและคุณสมบัติ
การเลือกใช้สารกรองน้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยสารกรองแต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันตามลักษณะของมลพิษที่ต้องการกำจัด บทความนี้จะอธิบายถึงชนิดของสารกรองน้ำที่นิยมใช้ พร้อมคุณสมบัติและการใช้งานของแต่ละประเภท
1. สารกรองแมงกานีส (Manganese)
สารกรองแมงกานีสมีคุณสมบัติพิเศษในการกำจัดเหล็ก (Iron) และแมงกานีส (Manganese) ในน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาน้ำมีสีแดงหรือตะกอนสีดำ สารกรองชนิดนี้มักใช้ร่วมกับระบบเติมอากาศหรือสารออกซิไดซ์ เช่น คลอรีน หรือโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตกตะกอนของโลหะหนัก
คุณสมบัติเด่น:
- กำจัดเหล็กและแมงกานีสในน้ำ: สารกรองแมงกานีสสามารถออกซิไดซ์เหล็กและแมงกานีสในน้ำให้ตกตะกอนและแยกออกได้ง่าย
- ลดปัญหาน้ำมีสีและกลิ่นโลหะ: ช่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำ ลดกลิ่นและสีที่เกิดจากแร่ธาตุโลหะหนัก
- ใช้งานร่วมกับสารออกซิไดซ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ: สามารถใช้ร่วมกับสารออกซิไดซ์ เช่น คลอรีนหรือโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต เพื่อเร่งกระบวนการกรองและทำให้น้ำสะอาดเร็วขึ้น
- ช่วยลดตะกอนที่อาจทำให้เกิดการอุดตันในระบบท่อ: การใช้สารกรองแมงกานีสช่วยให้ระบบน้ำทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการสะสมของตะกอนในท่อและอุปกรณ์ต่าง ๆ
- มีอายุการใช้งานยาวนาน: สารกรองชนิดนี้มีความคงทนและสามารถใช้งานได้นานหากมีการดูแลรักษาและล้างย้อนระบบเป็นประจำ
2. สารกรองคาร์บอน (Activated Carbon)
สารกรองคาร์บอนหรือถ่านกัมมันต์เป็นสารกรองที่มีรูพรุนขนาดเล็กจำนวนมาก ซึ่งช่วยดูดซับสารเคมี สารอินทรีย์ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ในน้ำได้อย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยลดคลอรีนและสารพิษบางชนิดที่ตกค้างในน้ำดื่ม
ณสมบัติเด่น:
- กำจัดกลิ่นและรสไม่พึงประสงค์ในน้ำ โดยเฉพาะกลิ่นคลอรีน กลิ่นอับ หรือกลิ่นสารเคมีที่อาจพบในน้ำประปาหรือน้ำดิบ
- ดูดซับสารอินทรีย์และสารเคมี เช่น คลอรีน ฟีนอล และสารระเหยอินทรีย์ (VOCs) ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
- ปรับปรุงคุณภาพน้ำให้ใสสะอาดขึ้น ลดสิ่งเจือปนที่ทำให้น้ำขุ่นหรือมีสีที่ผิดปกติ
- ช่วยลดโลหะหนักบางชนิด เช่น ตะกั่วและปรอท ที่อาจปนเปื้อนในน้ำ
- เพิ่มคุณภาพของน้ำดื่มให้ได้มาตรฐาน ลดความเสี่ยงจากสารก่อมะเร็งที่อาจพบในน้ำดื่มทั่วไป
- ใช้งานได้ทั้งในระบบกรองน้ำดื่มภายในบ้าน อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงระบบบำบัดน้ำเสีย
3. สารกรองเรซิน (Resin)
เรซินเป็นสารกรองที่ใช้ในระบบแลกเปลี่ยนไอออน (Ion Exchange) โดยเฉพาะในระบบกรองน้ำกระด้าง ซึ่งมีแคลเซียมและแมกนีเซียมสูง สารกรองเรซินจะช่วยลดความกระด้างของน้ำโดยการแลกเปลี่ยนไอออนของแคลเซียมและแมกนีเซียมกับโซเดียม ทำให้น้ำอ่อนลงและเหมาะสำหรับการใช้งานในครัวเรือนและอุตสาหกรรม
คุณสมบัติเด่น:
- ลดความกระด้างของน้ำ ทำให้น้ำมีคุณสมบัตินุ่มนวลขึ้น ลดการใช้สบู่และผงซักฟอกในการซักล้าง
- ป้องกันการเกิดตะกรันในระบบท่อและเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องล้างจาน และเครื่องซักผ้า ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์เหล่านี้
- ใช้ได้ทั้งในระบบบ้านพักอาศัยและอุตสาหกรรม เช่น โรงงานผลิตอาหาร เครื่องดื่ม และอุตสาหกรรมที่ต้องการน้ำอ่อนเพื่อลดปัญหาตะกรันในหม้อต้มไอน้ำและอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน
4. สารกรองทราย (Sand Filter)
สารกรองทรายเป็นสารกรองพื้นฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการกรองตะกอนขนาดใหญ่ เช่น ดิน ทราย และสิ่งสกปรกที่ปะปนอยู่ในน้ำ มักใช้เป็นขั้นตอนแรกในระบบกรองน้ำเพื่อช่วยลดความขุ่นก่อนเข้าสู่ระบบกรองที่มีความละเอียดสูงขึ้น
คุณสมบัติเด่น:
- กรองตะกอนและสิ่งสกปรกขนาดใหญ่ ทำให้น้ำสะอาดขึ้นก่อนเข้าสู่กระบวนการกรองขั้นสูงอื่นๆ
- ลดความขุ่นของน้ำ ทำให้สามารถใช้ในระบบประปาและการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เป็นระบบกรองที่มีต้นทุนต่ำและดูแลรักษาง่าย สามารถเปลี่ยนและล้างสารกรองได้ง่าย ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระบบกรอง
- มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และสามารถทำงานร่วมกับสารกรองประเภทอื่นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกรองน้ำ
- เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในบ้านพักอาศัย โรงงานอุตสาหกรรม และระบบบำบัดน้ำเสีย
5. สารกรองอนุภาคละเอียด (Multi-media Filter)
สารกรองอนุภาคละเอียดเป็นการรวมกันของสารกรองหลายชนิดในชั้นเดียว เช่น ทราย แอนทราไซท์ และกรวด ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกรองสารแขวนลอยที่มีขนาดเล็กและตะกอนละเอียดออกจากน้ำได้ดีขึ้น
คุณสมบัติเด่น:
- กรองตะกอนละเอียดและสารแขวนลอยในน้ำ สามารถดักจับอนุภาคที่มีขนาดเล็กได้ดี ทำให้น้ำมีความใสมากขึ้น
- มีประสิทธิภาพสูงกว่าระบบกรองทรายทั่วไป เนื่องจากการรวมกันของสารกรองหลายชนิดช่วยให้การกรองมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถดักจับสิ่งปนเปื้อนที่มีขนาดต่างกันได้ดีกว่า
- ลดความขุ่นและปรับปรุงคุณภาพน้ำ ช่วยลดสารแขวนลอยในน้ำได้มากขึ้น ทำให้น้ำมีคุณภาพดีขึ้น เหมาะสำหรับใช้ในระบบผลิตน้ำดื่มและอุตสาหกรรมที่ต้องการน้ำที่สะอาดและปราศจากตะกอน
- มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน เนื่องจากโครงสร้างของสารกรองแต่ละชั้นช่วยให้ระบบสามารถทำงานได้ต่อเนื่องโดยไม่อุดตันง่าย
- สามารถล้างย้อน (Backwash) เพื่อยืดอายุการใช้งานได้ ทำให้การบำรุงรักษาง่ายขึ้นและช่วยให้การกรองมีประสิทธิภาพคงที่
การเปรียบเทียบคุณสมบัติของสารกรองแต่ละชนิด
| ชนิดของสารกรอง | ความสามารถในการกรอง | การกำจัดสิ่งปนเปื้อน | การใช้งาน |
|---|---|---|---|
| แมงกานีส | เหล็ก, แมงกานีส | ตะกอนโลหะหนัก | น้ำบาดาล, น้ำประปา |
| คาร์บอน | กลิ่น, สี, คลอรีน | สารอินทรีย์, สารเคมี | น้ำดื่ม, อุตสาหกรรม |
| เรซิน | ความกระด้าง | แคลเซียม, แมกนีเซียม | เครื่องกรองน้ำบ้าน, อุตสาหกรรม |
| ทราย | ตะกอนขนาดใหญ่ | ดิน, ทราย, ความขุ่น | ระบบกรองขั้นต้น |
| อนุภาคละเอียด | ตะกอนละเอียด | สารแขวนลอย, ความขุ่น | โรงงานผลิตน้ำ, ระบบกรองขั้นสูง |
สรุป
การเลือกใช้สารกรองน้ำที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับลักษณะของปัญหาน้ำที่ต้องการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดเหล็กและแมงกานีส การลดกลิ่นและสีของน้ำ การทำให้น้ำอ่อนลง หรือการกรองตะกอนที่มีขนาดแตกต่างกัน การทำความเข้าใจคุณสมบัติของสารกรองแต่ละชนิดจะช่วยให้เลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับการใช้งานของคุณ
สนใจติดต่อ เวิลด์เคมีคอล กรุ๊ป ผู้นําด้านการจําหน่ายและนำเข้า สารเคมีภัณฑ์ เคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม ขนาดใหญ่ และ ขนาดย่อม ประเภท เคมีอุตสาหกรรม เคมีทําความสะอาด เคมีสระว่ายน้ำ เคมีบำบัดน้ำ เคมีงานปั้น-งานหล่อ เคมีอาหาร กลิ่น สารสกัด สี น้ำหอม เคมีเครื่องสำอาง อาทิ กลีเซอรีน โซดาไฟเกล็ด โซเดียมเมต้าไบซัลไฟต์ เอทิลแอลกอฮอล์ ฯลฯ สารพัดด้านเคมี เวิลด์เคมิคอล กรุ๊ป พร้อมให้บริการและให้ปรึกษากับลูกค้าทุกท่าน
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Line ID : @worldchemical
Facebook : https://www.facebook.com/chemical.chiangmai
เว็บไซต์ : www.worldchemical.co.th
โทร : 053 204 446-7
