ซอร์บิทอล จัดเป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์ของน้ำตาลกลูโคสชนิดหนึ่งที่มีความหวานประมาณ 35-60% ของความหวานของน้ำตาลซูโครส และให้พลังงาน 2.6 กิโลแคลอรึ่ ซึ่งเป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์ที่ร่างกายมนุษย์เผาผลาญได้ช้า เนื่องจากถูกรีดิวส์หมู่แอลดีไฮด์ (aldehyde group) เป็นหมู่ไฮดรอกซิล จากกรศึกษาทางเคมีพบว่าซอร์บิทอลเป็น hexahycir ic alcoho! ที่มีสูตรโมเลกุล คือ C6 H14 06 น้ำหนักโมเลกุลเท่ากับ 182.17 และประกอบด้วยสายตรงของคาร์บอน 6 อะตอม แล: hydroxy! กลุ่ม โดยมีลักษณะเป็นผลึกของแข็งสีขาว ละลายน้ำได้ดีและละลายได้บ้างในเมทานอล (methano)) ,บิวทานอล (hutano!), ไอโซโปรบานอล (isopropano!), ฟินอล (phenol), ไซโคลเซ็กซานอล (cyclohexanol),อะซีโตน (acetone), กรดอะซิติก (aceticacid) แต่ไม่ละลายในตัวทำลายอินทรีย์อื่นๆ และเมื่อละลายน้ำจะได้สารละลายใส่ไม่มีสี มีสเย็นคล้ายเมนทอลสำหรับประเภทของซอร์บิทอลนั้น พบว่ามีเพียงประเภทเดียวซึ่งเกิดจากการย่อยโมเลกุลของสตาร์ซที่พบในพืชให้เป็นโมเลกุลของน้ำตาลกลูโคส (starch hydrolysis) ซึ่งจะได้เป็นน้ำเชื่อมกลูโคส (glucose syrup) จากนั้นจึงนำไปทำปฏิกิริยา ไฮโดรเจเนชั่น (hydrogenation) ด้วยการเติมไฮโดรเจน โดยมีนิเกิลเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา แต่ในปัจจุบันมีการผลิตซอร์บิทอล โดยปฏิกิริยาเคมีขึ้นมาอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งผลิตขึ้นจากกระบวนการรีดักชั่น(reduction) ของน้ำตาลหลายชนิด เช่น D-glucose, D-fructose, L-gulose หรือ D-mannose โดยวิธี Catalytic Hydrogenation จากน้ำตาลเดกซ์โตรส โดยมีนิเกลในรูปของสารผสมระหว่าอลูมิเนียมกับนิเกิลที่เรียกว่า Raney nicke! ภายใต้ความดันสูง ประมาณ 1000 Psi.
แหล่งที่พบและแหล่งที่มาของซอร์บิทอล
ซอร์บิทอลเป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์ ที่พบในธรรมชาติทั้งพืชและผลม้ เช่น ข้าวโพด มันสำปหลัง ข้าวสาลี ข้าว แอปเปิ้ล สาลี่ ท้อ ลูกพรุน แพร์ องุ่นท้อพลัม โดยเฉพาะผลของเมาน์เทนแอช (mountainash) หรือนานกามาโด (nanagamado) ซึ่งพบซอร์บิทอลสูงถึง 12-13 และนอกจากนี้ยังมีรายงานว่าพบซอร์บิทอลในยาสูบ และสาหร่ายทะเลอีกด้วย โดยวิธีการผลิตซอร์บิทอลนั้น สามารถได้ 2วิธี คือ การสกัดจากพืช และการผลิตโดยปฏิกิริยาทางเคมีดังที่กล่าวมาแล้วในหัวข้อข้างต้น
ปริมาณที่ควรได้รับสารซอร์บิทอล
สำหรับปริมาณที่ควรได้รับต่อวันของซอร์บิทอลนั้นมีการศึกษาวิจัยพบว่าปริมาณที่หมาะสมในการบริโภคคือ 0.24 กรัม/กิโลกรัมน้ำหนักตัว (BW) สำหรับเพศหญิง และ 0.66 กรัม/กิโลกมน้ำหนักตัวสำหรับเพศขาย แต่ทั้งนี้กรบริโภคซอร์บิทอลในปริมาณสูงอาจส่งผลให้กิดปัญหาท้องเดิน ดังนั้นไม่ควรบริโภคในครั้งเดียวกันเกิน 50 กรัมส่วนปริมาณสูงสุดที่สามารถอนุญาติให้ใช้ซอร์บิทอลในผลิตภัณฑ์ต่างๆ นั้น พบว่าในปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดอย่างชัดเจนว่าให้ใช้ในปริมาณเท่าใด เช่น เดียวกันกับน้ำตาลแอลกอฮอร์ชนิดอื่นๆ เช่น ไซลิทอล (xylitol) และมอลทิทอล (maltitol) เป็นต้น
ประโยชน์และโทษสารซอร์บิทอล
ซอร์บิทอล ถูกนำมาใช่ในอุตสาหกรรมอาหารต่างๆ เพราะให้พลังงานประมาณ 50-60% ของน้ำตาลปกติ ไม่ทำให้ฟันผุ และถูกดูดซึมได้ช้ากว่าทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นช้ากว่าซูโครส หรือกลูโคส ช่วยเพิ่มคุณภาพของอาหาร เช่น เพิ่มความหนีรักษาความชุ่มชื้น ป้องกั้นการตกผลึกของน้ำตาลและป้องกันการเกิดผลึกน้ำแข็ง สามารถละลายน้ำได้ดี และยังเป็นสารดูดความชื้น (humectants) รักษาความชื้นได้ดี นิยมนำมาใช้ปรับลักษณะเนื้ออาหาร เช่น อาหารประเภทลูกอม หมากฝรั่ง เบเกรี่ แยม ไอศรีม อาหรแช่เอกแข็ง เครื่องดื่มพลังงานต่ำ ทั้งนี้ยังพบว่าซอร์บิทอลสามารถช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินบี 12 ของลำส้ในคนแลสัตว์ กทั้งยังดูดซึมธตุเหล็กในมนุษย์ได้อีกด้วยนอกจากนี้ยังมีการนำซอร์บิทอลไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ อีกมากมาย เช่น อุตสาหกรรมการผลิตยา อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง อุตสาหกรรมเส้นใย เป็นต้น
การศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องสารซอร์บิทอล
มีผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคที่เรียที่ก่อโรคฟันผุ ของซอร์บิทอล ระบุว่า เชื้อแบคที่เรียที่ก่อโรคฟันผุไม่สามารถนำซอร์บิทอลไปใช้ และสร้างกดขึ้น หรือนำไปใช้ได้น้อย และไม่สมารถนำไปสร้างกลูแคน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการยึดเกาะของเชื้อกับผิวฟันอย่างเหนียวแน่น เมื่อนำไปผสมในอาหารหรือเครื่องดื่มแทนน้ำตาลซุโครส จึงช่วยลดการก่อโรคฟันผุของอาหารนั้นลงได้ โดยมีรายงานการศึกษาในห้องปฏิบัติกร และในสัตว์ทดลอง พบว่าเชื้อในช่องปกรวมถึงเชื้อก่อโรคฟันผุเช่น มิแทนส์สเตรปโตคอคไค และแลคโตแบซิลไล (lactobacili) สามารถนำน้ำตาลซอร์บทอลไปใช้ และเกิดการสร้างกรขึ้แต่ปริมาณ และอัตรากรผลิตกรดจากซอร์ทอลต่ำกว่าน้ำตาลอื่นๆ ที่ใช้เป็นประจำ เช่น กลูโคส ฟลุคโตส และซูโครส เมื่อซอร์บิทอลถูกย่อยสลายผ่านกระบวนการไกลโคไลซิสจนได้ไพรูเวท ซึ่งต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นฟอร์เมท (formate) อะซิเตท(acetate) และเอทานอล (ethano!) ผ่านไพรูเวท-ฟอร์เมทไลเอส (pyruvate-formate Jyase, PFL) ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดในภาวะปราศจากออกซิเจน(anaerobiccondition) อันเป็นภาวะในคราบจุลินทรีย์กระบวนการนี้ช้กว่าการผ่านแลคเตท ดีไฮโดรจีเนส (lactate dehydrogenase) ที่ใช้ในการย่อยสลายกลูโคส และซูโครส จึงเป็นเหตุผลที่อัตราการกิดกรดจากกรย่อยสลายซอร์ทอลช้ากว่ากลูโคส และซูโครสดังนั้นซอร์ทอล จึงจัดเป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์ที่เชื้อนำไปสร้งกรดได้น้อย (hypoacidogenic sugar alcoho!) อีกทั้งยังมีการศึกษาในห้องปฏิบัติการที่สนับสนุนว่าซอร์บิทอลเป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์ที่เชื้อนำไปสร้งกรดได้น้อย โด้ยมีรายงานการศึกษาที่ทดสอบผลของซูโครสกโคสซอร์ทอล และซูคราโลส กับกรสร้างไบโอฟิล์มของเชื้อสเตรปโตคอคัสมิแทนส์ซึ่งพบว่าเชื้อที่เลี้ยงในซอร์บิทอลเป็นเวลา 72 แล: 96 ชั่วโมง มีมวลชีวภาพ (biomass ของไบโอฟิล์ม สูงกว่าเชื้อที่เลี้ยงในกลูโคส หรือซูครโลสอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็ยังน้อยกว่าเชื้อที่เลี้ยงในซูโครสอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งค่าความเป็นกรดด่างลดต่ำกว่าค่ากรดด่างวิกฤตของเคลือบฟัตั้งแต่ 24 ชั่วโมง แรกในระดับเดียวกับซูโครส และกลูโคสแต่เมื่อวัดความลึกของรอยโรค (lesion depth) ในชิ้นเคลือบฟันที่แช่ในอาหารเลี้ยงเชื้อที่ผสมสารทั้งสี่เป็นเวลา 7 วัน พบว่าชิ้นเคลือบฟันที่แช่ในซอร์บิทอลมีรอยโรคลึกใกเคียงกับที่แช่ในกลูโคสแต่น้อยกว่าที่แช่ในซูโครสอย่างมีนัยสำคัญนอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่เปรียบเที่ยบอาสาสมัครที่มีน้ำลายปกติกับกลุ่มที่มีน้ำลายน้อยโดยให้บัวนปากด้วยสารละลาย 10% ซอร์บิทอลเป็นเวลา4 สัปดาห์ แล้วทำการวัดค่าความเป็นกรดด่งในคราบจุลินทรีย์ซึ่งพบว่ามีค่าความเป็นกรดด่งลดลงในทั้งสองกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มอาสาสมัครที่มีน้ำลายน้อยซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดฟันผุได้ง่ายและเป็นกลุ่มที่มักจะบริโภคสรให้ความหวานแทนน้ำตาลเป็นประจำ จากกรศึกษาทั้งหมดที่กล่าวถึงนี้ บ่งชี้ว่าซอร์บิทอลจัดเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลที่มีศักยภาพที่จะทำให้เกิดฟันผุได้บ้าง เล็กน้อย
ข้อแนะนำและข้อควรปฏิบัติ
ถึงแม้ว่าซอร์บิทอล จะเป็นสารให้ความหวานกลุ่มน้ำตาลแอลกอฮอล์ที่ให้พลังงานน้อยกว่าน้ำตาล 50-60% และยังไม่ทำให้เกิดฟันผุ อีกทั้งยังทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นช้ากว่าน้ำตาล แต่ก็มีข้อควรระวังในกรรับประทาน คือ หากรับประทานมากเกินไป (40-50 กรัม/วัน) อาจทำให้ท้องเสียได้เนื่องจากร่างกายไม่สามารถดูดซึมได้จึงดึงน้ำเข้าสู่โพรงลำไส้ ซึ่งจะทำให้เกิดอาหารท้องเสียตามมา
สนใจติดต่อ เวิลด์เคมีคอล กรุ๊ป ผู้นําด้านการจําหน่ายและนำเข้า สารเคมีภัณฑ์ เคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม ขนาดใหญ่ และ ขนาดย่อม ประเภท เคมีอุตสาหกรรม เคมีทําความสะอาด เคมีสระว่ายน้ำ เคมีบำบัดน้ำ เคมีงานปั้น-งานหล่อ เคมีอาหาร กลิ่น สารสกัด สี น้ำหอม เคมีเครื่องสำอาง อาทิ กลีเซอรีน โซดาไฟเกล็ด โซเดียมเมต้าไบซัลไฟต์ เอทิลแอลกอฮอล์ ฯลฯ สารพัดด้านเคมี เวิลด์เคมิคอล กรุ๊ป พร้อมให้บริการและให้ปรึกษากับลูกค้าทุกท่าน
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Line ID : @worldchemical
Facebook : https://www.facebook.com/chemical.chiangmai
เว็บไซต์ : www.worldchemical.co.th
โทร : 053 204 446-7