โซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) หรือ โซดาไฟ เกล็ด
โซดาไฟถูกใช้ในการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน และยังใช้ประโยชน์ได้อีกมากมาย
คุณสมบัติของโซดาไฟ
เป็นสารประกอบชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ในการกัดกร่อน เนื่องจากเป็นเบสแก่ ดูดความชื้นได้ดีมาก เมื่อเอาออกจากภาชนะบรรจุ ตั้งทิ้งไว้ จะกลายเป็นของเหลว เพราะถูกเจือจางด้วยความชื้น เวลาที่ท่อระบายน้ำทิ้งต่าง ๆ อุดตัน ส่วนใหญ่จะนึกถึง โซดาไฟ หรือ คอสติกโซดา (Caustic soda) หรือ โซเดียมไฮดรอกไซด์ (sodium hydroxide) บางครั้งรู้จักกันในชื่อ สารเคมีผงมัน หรือ โซดาแผดเผา สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป หรือร้านขายอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้าน คุณลักษณะสารเคมีเป็นของแข็งสีขาว ไม่มีกลิ่น มีฤทธิ์เป็นด่าง ยิ่งเข้มข้นมากยิ่งมีฤทธิ์มาก ร้อน และสามารถกัดผิวหนังให้เปื่อยยุ่ยได้ในระยะเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที ผู้คนส่วนมากอาจจะไม่รู้ถึงคุณลักษณะของสารเคมี และการทำปฏิกิริยาทางเคมีดีพอ เมื่อนำไปใช้งานจริงทำให้เกิดปัญหาติดตามมาอย่างคาดไม่ถึง เช่น เวลาที่ท่ออุดตัน ก็จะไปซื้อโซดาไฟ มาเทใส่ลงไปในท่อที่อุดตัน (วิธีใช้งาน ควรใส่โซดาไฟในภาชนะก่อน ค่อย ๆ เติมน้ำแล้วคนให้ละลายให้หมดก่อนที่จะนำไปเทใส่ท่อระบายน้ำ เพื่อกันไม่ให้โซดาไฟไปเกาะผนังท่อเพิ่มการอุดตันอีก) การแก้ไขปัญหาลักษณะนี้ สามารถใช้ได้กับการอุดตันบางประเภทเท่านั้นเอง เช่น การอุดตันที่เกิดจากคราบไขมัน คราบสบู่ คราบผงซักฟอก
ประโยชน์ของโซดาไฟ
โซดาไฟสามารถใช้ในรูปของโซดาไฟก้อน และโซดาไฟเหลว ในด้านต่างๆ คือ
- เป็นสารตั้งต้นในการผลิตโซดาไฟเหลว
- ใช้สำหรับอุตสาหกรรมผลิตสบู่ ด้วยการทำปฏิกิริยากับไขมันเปลี่ยนเป็นสบู่
- ใช้สำหรับขจัดคราบสกปรก และสิ่งอุดตันในท่อระบายน้ำ ด้วยก้อนหรือละลายน้ำเทราดบริเวณที่มีการอุดตันของท่อ
- ใช้สำหรับปรับสภาพความเป็นกรดของน้ำให้เป็นด่าง โดยเฉพาะในระบบบำบัดน้ำเสียที่ต้องปรับความเป็นกรด-ด่างของน้ำ
- ใช้สำหรับการตกตะกอนของแร่ธาตุหรือโลหะหนักในกระบวนการบำบัดน้ำเสีย
- ใช้ฟื้นสภาพของเรซินของระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำ
- ใช้ในกระบวนการฟอกย้อมไหม โดยเฉพาะขั้นตอนการลอกกาวไหมที่ต้องต้มละลายกาวไหมด้วยโซดาไฟ สำหรับการฟอกไหมในระดับครัวเรือน ชาวบ้านเรียกโซดาไฟว่า ผงมัน ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านขายเคมีฟอกไหม
ข้อควรระวังเมื่อใช้โซดาไฟ
โซดาไฟ สามารถทำให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายได้อย่างเฉียบพลัน ถ้าสูดดมฝุ่นควันของสารจะทำให้ระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ อาจเกิดปอดอักเสบ น้ำท่วมปอดได้ หากเข้าตาจะมีฤทธิ์ทำลาย ตั้งแต่ระคายเคือง หรือรุนแรงกระทั่งทำให้ตาบอดได้ หากถูกผิวหนังจะทำให้เกิดการไหม้จนเป็นแผลลึก หากรับประทานเข้าไปจะเกิดการไหม้ในปาก ลำคอ และทางเดินอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หมดสติ จนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ผู้ที่เคยได้รับสารเข้าไปทางปาก อาจมีการพัฒนากลายเป็นมะเร็งในภายหลัง 12-42 ปี หลังจากกินเข้าไป
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ถ้าหายใจเข้าไปให้รีบย้ายผู้ป่วยออกมา ให้ได้รับอากาศบริสุทธิ์แล้วรีบนำส่งแพทย์ หากเข้าตารีบล้างตาด้วยน้ำอุ่นทันที โดยค่อย ๆ ให้น้ำไหลผ่านตา 30 นาที เปิดเปลือกตาไว้ พยายามอย่าให้น้ำล้างตาไหลข้างที่มีสารเคมีไหลเข้าตาข้างที่ไม่เป็นอะไรโดยเด็ดขาด เมื่อถูกผิวหนังให้รีบล้างออก โดยให้น้ำไหลผ่านบริเวณที่ถูกสารอย่างน้อย 30 นาที พร้อมกับถอดชุด – อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เปื้อนสารออกแล้วรีบนำส่งแพทย์ให้เร็วที่สุด
โซดาไฟกับปฏิกิริยาต่อเนื่อง
แม้ว่าโซดาไฟเป็นสารไม่ติดไฟ แต่ถ้าสัมผัสกับสารบางชนิด เช่น กรดเข้มข้น หรือทำปฏิกิริยาอย่างรุนแรงกับน้ำ จะทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีกันจนเกิดความร้อนพอเพียง และทำให้สารที่วางอยู่ใกล้สามารถติดไฟได้ การดับเพลิงจึงต้องดูสารที่เป็นคู่ปฏิกิริยาทางเคมี และรวมถึงการเลือกใช้เครื่องดับเพลิงให้ถูกต้องกับเหตุการณ์ด้วย