การทดลองเคมีง่ายๆ สำหรับเด็กในบ้าน
การทดลองเคมีง่ายๆ สำหรับเด็กในบ้าน เคมีไม่เพียงแต่เป็นวิชาที่เรียนในห้องเรียน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งที่มีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราด้วย ซึ่งในปัจจุบันการเรียนรู้เคมีไม่จำเป็นต้องอยู่แค่ในห้องเรียนเท่านั้น แต่ยังสามารถทำที่บ้านได้ผ่านการทดลองเคมีง่ายๆ ที่ไม่ซับซ้อนและสนุกสำหรับเด็ก ๆ ด้วยการใช้อุปกรณ์ที่หาได้ง่ายในบ้าน การทดลองเคมีเหล่านี้ไม่เพียงแค่ช่วยให้เด็กเข้าใจวิทยาศาสตร์ในแง่มุมใหม่ แต่ยังเป็นโอกาสในการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาของพวกเขาด้วย
พื้นฐานของเคมีสำหรับเด็ก
พื้นฐานของเคมีสำหรับเด็ก: อะตอมและโมเลกุล
การอธิบายพื้นฐานของเคมีให้เด็ก ๆ เข้าใจง่าย ๆ สามารถเริ่มจากสิ่งที่พวกเขาคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน เช่น การเปรียบเทียบสิ่งที่เล็กที่สุดในโลกของเคมีกับสิ่งที่เด็ก ๆ สามารถมองเห็นได้ง่าย โดยใช้คำอธิบายง่าย ๆ และภาพตัวอย่าง
อะตอม: ลูกเล็กๆ ของสาร
อะตอมคือหน่วยที่เล็กที่สุดของสารทุกชนิด แม้ว่าเด็กจะไม่สามารถเห็นอะตอมด้วยตาเปล่าได้ แต่สามารถคิดถึงอะตอมเหมือนกับ “ลูกบอลขนาดเล็ก” ที่อยู่ในทุกๆ สิ่งในโลก เช่น น้ำ, อากาศ, หรือแม้แต่ขนมที่เด็ก ๆ ทาน
- การเปรียบเทียบ: ถ้าเรานึกถึงตึกใหญ่ๆ เราจะเห็นว่าตึกนั้นประกอบด้วยอิฐหลายๆ ก้อน อิฐแต่ละก้อนก็เหมือนกับอะตอม ซึ่งเป็นส่วนประกอบพื้นฐานของสารทุกชนิด
- คำอธิบาย: อะตอมประกอบด้วยสามส่วนหลักๆ ได้แก่ นิวเคลียส (ที่มีโปรตอนและนิวตรอน) และอิเล็กตรอนที่หมุนรอบนิวเคลียส ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้สารต่างๆ มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
โมเลกุล: การรวมตัวของอะตอมหลายๆ อะตอม
เมื่ออะตอมหลายๆ ตัวมารวมตัวกันเป็นกลุ่มเดียวกัน เราจะเรียกสิ่งนั้นว่า “โมเลกุล” ซึ่งสามารถคิดได้ว่าเหมือนกับกลุ่มของลูกบอลหลายๆ ลูกที่มารวมตัวกันเพื่อสร้างสิ่งที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ตัวอย่างเช่น
- น้ำ: น้ำประกอบด้วยโมเลกุลของน้ำที่ประกอบไปด้วยอะตอมของไฮโดรเจน (H) และออกซิเจน (O) รวมกัน ทำให้เราเรียกน้ำว่า H₂O ซึ่งหมายถึงในหนึ่งโมเลกุลของน้ำจะมีอะตอมของไฮโดรเจนสองอะตอมและออกซิเจนหนึ่งอะตอม
- การเปรียบเทียบ: ถ้าเราคิดว่าอะตอมเหมือนกับลูกบอล โมเลกุลก็จะเป็นเหมือนกับการจับกลุ่มของลูกบอลเหล่านั้นเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดสิ่งที่ใหญ่ขึ้น
การที่อะตอมหลายๆ อะตอมมารวมกันเป็นโมเลกุล จะทำให้เราเห็นคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปจากอะตอมเดี่ยวๆ เช่น น้ำกับออกซิเจนล้วนๆ
ทำไมอะตอมและโมเลกุลสำคัญ?
การเข้าใจว่าอะตอมและโมเลกุลเป็นส่วนประกอบหลักของสารช่วยให้เด็กๆ เริ่มเห็นภาพว่าในสิ่งต่างๆ ที่พวกเขาเห็นและใช้ทุกวันนั้นมีส่วนประกอบที่เล็กมากๆ ที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ แต่กลับมีอิทธิพลต่อคุณสมบัติและการทำงานของสิ่งนั้นๆ เช่น น้ำ, อาหาร, และอากาศ
การอธิบายเคมีในระดับที่เข้าใจง่ายสำหรับเด็ก ๆ จะช่วยให้พวกเขามีพื้นฐานที่ดีในการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกของวิทยาศาสตร์และเคมีในอนาคตถึงโครงสร้างของอะตอมและโมเลกุลด้วยการเปรียบเทียบกับสิ่งที่เด็กๆ รู้จัก เช่น การเปรียบเทียบอะตอมกับลูกบอลและโมเลกุลเป็นกลุ่มลูกบอลหลายๆ ลูก จะทำให้เด็กเข้าใจได้ง่ายขึ้น
สารเคมีและการเปลี่ยนแปลงทางเคมี
สารเคมีคืออะไร?
สารเคมีหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่มีมวล (น้ำหนัก) และมีพื้นที่ (พื้นที่ที่มันครอบครอง) ซึ่งทุกๆ สิ่งที่เราเห็นและสัมผัสในชีวิตประจำวันต่างก็ประกอบด้วยสารเคมีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นของเหลวที่เราใช้ดื่ม เช่น น้ำ, ก๊าซที่เราหายใจ เช่น อากาศ หรือแม้แต่ของแข็งที่เราใช้สัมผัส เช่น หนังสือ, หิน, หรือไม้
- น้ำ: น้ำ (H₂O) เป็นสารเคมีที่ประกอบไปด้วยโมเลกุลของน้ำ ซึ่งมีอะตอมของไฮโดรเจนและออกซิเจนรวมกัน
- อากาศ: อากาศที่เราหายใจประกอบไปด้วยสารเคมีหลายตัว เช่น ออกซิเจน (O₂), ไนโตรเจน (N₂), และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂)
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีสารเคมีเป็นส่วนประกอบหลัก หากเราเรียนรู้เกี่ยวกับสารเคมี เราจะสามารถเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ได้ดียิ่งขึ้น
การเปลี่ยนแปลงทางเคมี
การเปลี่ยนแปลงทางเคมีหมายถึงการที่สารเคมีหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปเป็นสารเคมีใหม่ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อสารเคมีมีปฏิกิริยากับสารอื่นๆ และเกิดการสร้างสารใหม่ที่มีคุณสมบัติแตกต่างจากสารเดิม
การเปลี่ยนแปลงทางเคมีไม่สามารถย้อนกลับไปเป็นสารเดิมได้เหมือนการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ (เช่น การหลอมละลายของน้ำแข็งเป็นน้ำ) ตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่เห็นได้ชัดเช่น:
- การเผาไม้ให้กลายเป็นเถ้า: เมื่อเราเผาไม้ ไม้จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นเถ้า, ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂), และความร้อน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่ไม่สามารถย้อนกลับไปเป็นไม้ได้
- การสลายตัวของอาหาร: เมื่ออาหารเน่าเสียจะมีการเกิดปฏิกิริยาเคมีที่ทำให้อาหารนั้นสูญเสียคุณสมบัติเดิมไป เช่น การเกิดกลิ่นเหม็นจากการย่อยสลายของอาหาร
- การเกิดสนิม: เมื่อเหล็กสัมผัสกับน้ำและอากาศจะเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนทำให้เกิดสนิม (Fe₂O₃) ซึ่งเป็นสารเคมีใหม่ที่แตกต่างจากเหล็กเดิม
คุณสมบัติของการเปลี่ยนแปลงทางเคมี
การเปลี่ยนแปลงทางเคมีมักจะมาพร้อมกับสัญญาณบางอย่างที่เราสามารถสังเกตได้ เช่น:
- การเปลี่ยนสี: บางครั้งเมื่อสารเคมีเกิดการเปลี่ยนแปลง อาจมีการเปลี่ยนสีที่ชัดเจน เช่น การเปลี่ยนสีจากสีขาวเป็นสีน้ำตาลเมื่อเผาอาหาร
- การเกิดก๊าซ: การเกิดก๊าซจากการเปลี่ยนแปลงทางเคมี เช่น ฟองอากาศที่เกิดขึ้นในขณะที่เราผสมสารเคมีบางอย่าง เช่น การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) เมื่อใส่เบกกิ้งโซดาในน้ำ
- การเกิดความร้อนหรือความเย็น: การเปลี่ยนแปลงทางเคมีบางประเภทอาจทำให้เกิดการปล่อยหรือดูดซับความร้อน เช่น การเผาไหม้ที่ปล่อยความร้อนออกมา หรือปฏิกิริยาทางเคมีบางอย่างที่ทำให้เย็นลง เช่น การละลายเกลือในน้ำ
การเปลี่ยนแปลงทางเคมีในชีวิตประจำวัน
การเปลี่ยนแปลงทางเคมีไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเฉพาะในห้องทดลองเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเราด้วย ตัวอย่างเช่น:
- การทำอาหาร: การปรุงอาหารเป็นกระบวนการที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเคมีมากมาย เช่น การที่ความร้อนทำให้โปรตีนในไข่เปลี่ยนแปลงจนเป็นไข่สุก หรือการที่สารประกอบในอาหารทำปฏิกิริยากับเครื่องปรุง
- การทำความสะอาด: เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เช่น น้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า หรือผงซักฟอกก็เป็นการใช้สารเคมีในการทำให้คราบสกปรกหลุดออกจากพื้นผิว
- การสร้างพลังงาน: เมื่อเชื้อเพลิงเช่น ถ่านหิน หรือแก๊สถูกเผา จะเกิดปฏิกิริยาเคมีที่ปล่อยพลังงานออกมา
การเปลี่ยนแปลงทางเคมีเป็นสิ่งที่ทำให้โลกนี้มีการเคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และมันมีบทบาทสำคัญในทุกๆ ด้านของชีวิตประจำวันของเรา
อุปกรณ์ในการทดลองเคมีง่ายๆ ที่บ้าน
การทดลองเคมีในบ้านสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยอุปกรณ์ที่มีอยู่ในบ้าน และไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีหรือเครื่องมือที่ซับซ้อน การทดลองเหล่านี้ช่วยให้เด็กๆ สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับเคมีและวิทยาศาสตร์ได้ในวิธีที่สนุกและปลอดภัย นี่คือลิสต์ของอุปกรณ์ที่สามารถใช้ในการทดลองเคมีง่ายๆ ที่บ้าน:
1. ถ้วยตวง
ถ้วยตวงใช้สำหรับวัดสารต่างๆ ที่ต้องการในการทดลอง โดยเฉพาะในกรณีที่เราต้องใช้ปริมาณสารที่แม่นยำ เช่น น้ำหรือสารเคมีอื่นๆ ที่ใช้ในการทดลอง ถ้วยตวงมีหลากหลายขนาด ซึ่งสามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าทั่วไป
การใช้งาน: ใช้ในการวัดปริมาณน้ำ, เบกกิ้งโซดา, น้ำส้มสายชู หรือสารอื่นๆ ที่ใช้ในการทดลอง
2. หลอดทดลอง
หลอดทดลองเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับการทดลองที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาเคมี ซึ่งช่วยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสารที่เราใส่ลงไป หลอดทดลองมักทำจากแก้วหรือพลาสติกใส จึงสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในได้
การใช้งาน: ใช้ในการทดสอบปฏิกิริยาเคมีระหว่างสาร เช่น การทดลองที่ใช้เบกกิ้งโซดากับน้ำส้มสายชู หรือการผสมสีผสมอาหารกับน้ำ
3. น้ำ
น้ำเป็นสารเคมีที่สำคัญในหลายการทดลอง น้ำมักใช้เป็นตัวกลางในการผสมสารต่างๆ หรือใช้ในการละลายสารอื่นๆ เช่น การทดลองที่ใช้เบกกิ้งโซดากับน้ำส้มสายชู หรือการละลายเกลือในน้ำเพื่อศึกษาเกี่ยวกับการละลาย
การใช้งาน: ใช้ในเกือบทุกการทดลองเคมี เช่น การละลายสาร, การเจือจางสาร หรือการผสมกับสารเคมีอื่น
4. เบกกิ้งโซดา
เบกกิ้งโซดา (Sodium Bicarbonate) เป็นสารเคมีที่สามารถใช้ในหลายการทดลองเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางเคมี เบกกิ้งโซดามักถูกใช้ร่วมกับน้ำส้มสายชูในการทำปฏิกิริยากลายเป็นฟองก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
การใช้งาน: ใช้ในการทดลองการทำปฏิกิริยาเคมี เช่น การทำฟองก๊าซจากการผสมกับน้ำส้มสายชู การทำโฟม หรือการทำฟองในน้ำ
5. น้ำส้มสายชู
น้ำส้มสายชู (Acetic Acid) เป็นสารเคมีที่มีลักษณะเป็นกรดอ่อน มักใช้ในการทดลองที่เกี่ยวข้องกับการทำปฏิกิริยากับสารเบกกิ้งโซดาหรือสารอื่นๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂)
การใช้งาน: ใช้ร่วมกับเบกกิ้งโซดาในการทดลองทางเคมี เช่น การทำปฏิกิริยากับเบกกิ้งโซดาเพื่อสร้างฟองก๊าซ
6. สีผสมอาหาร
สีผสมอาหารสามารถใช้ในการเพิ่มความน่าสนใจให้กับการทดลองเคมี โดยไม่เพียงแค่ช่วยทำให้การทดลองดูน่าสนใจมากขึ้น แต่ยังสามารถใช้แสดงให้เห็นถึงการกระจายตัวของสารในน้ำหรือการเปลี่ยนแปลงของสารในปฏิกิริยาเคมี
การใช้งาน: ใช้เพื่อเพิ่มสีสันในการทดลอง เช่น การผสมสีผสมอาหารในน้ำเพื่อดูการกระจายตัว หรือใช้ในการทดลองที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของสารในน้ำ
ตัวอย่างการทดลองเคมีง่ายๆ ที่บ้าน
- การทำฟองก๊าซจากเบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชู
- อุปกรณ์: เบกกิ้งโซดา, น้ำส้มสายชู, ถ้วยตวง, หลอดทดลอง
- วิธีการ: ใส่เบกกิ้งโซดาลงในหลอดทดลองประมาณ 1 ช้อนชา จากนั้นเทน้ำส้มสายชูลงไป ปฏิกิริยาจะเกิดขึ้นและทำให้เกิดฟองก๊าซที่ปล่อยออกมา
- ผลลัพธ์: เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ซึ่งทำให้เกิดฟองและปฏิกิริยานี้สามารถเห็นได้ชัดเจน
- การละลายเกลือในน้ำ
- อุปกรณ์: เกลือ, น้ำ, ถ้วยตวง, ช้อน
- วิธีการ: ใส่เกลือลงในน้ำในถ้วยตวงแล้วคนให้ละลาย
- ผลลัพธ์: จะเห็นว่าเกลือสามารถละลายในน้ำได้ ซึ่งแสดงถึงกระบวนการละลายของสารในน้ำ
- การทดลองการเคลื่อนที่ของสีในน้ำ
- อุปกรณ์: สีผสมอาหาร, น้ำ, ถ้วยตวง
- วิธีการ: เติมสีผสมอาหารลงในน้ำแล้วสังเกตการกระจายตัวของสีในน้ำ
- ผลลัพธ์: จะเห็นสีผสมอาหารกระจายตัวในน้ำและสามารถอธิบายการเคลื่อนที่ของอนุภาคในน้ำได้
การทดลองเคมีง่ายๆ สำหรับเด็กในบ้าน
1. การทดลองโฟมจากเบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชู
การทดลองนี้ไม่เพียงแต่สนุกสนาน แต่ยังช่วยให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้นเมื่อสารสองชนิดมารวมกัน โดยการทำฟองโฟมจากเบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชู เป็นการสาธิตที่สามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน และเป็นการเรียนรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ซึ่งเกิดขึ้นจากปฏิกิริยาเคมี
วัสดุที่ใช้:
- เบกกิ้งโซดา (Sodium Bicarbonate) ประมาณ 1-2 ช้อนชา
- น้ำส้มสายชู (Acetic Acid) 1/4 ถ้วย
- สีผสมอาหาร (ถ้าต้องการ) สำหรับเพิ่มสีสันให้กับการทดลอง
- ภาชนะ เช่น หลอดทดลอง หรือถ้วยตวง
วิธีการทำ:
- เตรียมภาชนะ: เริ่มด้วยการเลือกภาชนะที่สามารถรองรับฟองโฟมได้ เช่น หลอดทดลอง หรือถ้วยตวงที่มีความสูงพอสมควรเพื่อให้ฟองโฟมล้นออกมาได้
- ใส่เบกกิ้งโซดา: ใส่เบกกิ้งโซดาลงไปในภาชนะประมาณ 1-2 ช้อนชา (ขึ้นอยู่กับขนาดของภาชนะที่ใช้)
- เติมสีผสมอาหาร (ถ้าต้องการ): ถ้าต้องการให้การทดลองมีสีสันที่น่าสนใจ สามารถเติมสีผสมอาหารลงไปในภาชนะที่มีเบกกิ้งโซดา เพื่อให้เห็นการกระจายตัวของสีในฟองโฟม
- เติมน้ำส้มสายชู: เทน้ำส้มสายชูลงไปในภาชนะที่มีเบกกิ้งโซดาอย่างรวดเร็ว
- สังเกตปฏิกิริยา: เมื่อเบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชูมารวมกัน จะเกิดฟองโฟมล้นออกมาจากภาชนะ เนื่องจากการเกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฟองโฟม
ผลลัพธ์ที่ได้:
- เมื่อเบกกิ้งโซดา (ซึ่งเป็นสารเบส) ถูกผสมน้ำส้มสายชู (ซึ่งเป็นกรด) จะเกิดปฏิกิริยาเคมีที่ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ซึ่งทำให้เกิดฟองและโฟมที่ล้นออกมาจากภาชนะ
- การเติมสีผสมอาหารจะทำให้ฟองโฟมดูน่าสนใจมากขึ้น
- นอกจากนี้เด็กๆ ยังสามารถสังเกตการเคลื่อนที่ของฟองและโฟมในภาชนะได้อย่างชัดเจน
การอธิบายปฏิกิริยา:
การทดลองนี้สาธิตถึงปฏิกิริยาของกรดและเบสที่เรียกว่า การทำปฏิกิริยากรด-เบส (Acid-Base Reaction) เมื่อเบกกิ้งโซดาซึ่งเป็นเบส (NaHCO₃) ผสมกับน้ำส้มสายชูซึ่งเป็นกรด (CH₃COOH) จะเกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) และน้ำเป็นผลพลอยได้ ก๊าซนี้ทำให้เกิดฟองโฟมและทำให้การทดลองดูน่าสนใจ
สมการเคมีของปฏิกิริยา: NaHCO3(s)+CH3COOH(aq)→CO2(g)+H2O(l)+CH3COONa(aq)NaHCO₃ (s) + CH₃COOH (aq) \rightarrow CO₂ (g) + H₂O (l) + CH₃COONa (aq)NaHCO3(s)+CH3COOH(aq)→CO2(g)+H2O(l)+CH3COONa(aq)
ข้อควรระวัง:
- หากมีเด็กทำการทดลอง ควรให้ผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่คอยดูแล เพราะแม้ว่าการทดลองนี้จะปลอดภัย แต่ก็อาจมีการล้นของโฟมที่อาจทำให้ยุ่งเหยิง
- ควรใช้ภาชนะที่มีความสูงพอสมควรเพื่อให้โฟมสามารถล้นออกมาได้ โดยไม่ทำให้ฟองล้นออกไปนอกภาชนะ
ขั้นตอนการทดลอง: การทำโฟมจากเบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชู
การทดลองนี้เป็นวิธีที่ง่ายและสนุกในการเรียนรู้เกี่ยวกับปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้นจากการผสมระหว่างเบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชู โดยการทดลองนี้จะช่วยให้เด็กๆ เข้าใจถึงการเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการเปลี่ยนแปลงทางเคมีได้อย่างชัดเจน
วัสดุที่ใช้:
- เบกกิ้งโซดา (Sodium Bicarbonate) ประมาณ 1-2 ช้อนชา
- น้ำส้มสายชู (Acetic Acid) 1/4 ถ้วย
- สีผสมอาหาร (ถ้าต้องการ) สำหรับเพิ่มสีสันให้กับการทดลอง
- หลอดทดลองหรือถ้วยตวง
ขั้นตอนการทดลอง:
- เตรียมภาชนะ: เริ่มจากการเลือกภาชนะที่สามารถรองรับฟองโฟมได้ เช่น หลอดทดลอง หรือถ้วยตวงที่มีความสูงพอสมควร เพื่อให้ฟองโฟมสามารถล้นออกมาได้โดยไม่หก
- ใส่เบกกิ้งโซดา: ใส่เบกกิ้งโซดาลงไปในภาชนะประมาณ 1-2 ช้อนชา ขึ้นอยู่กับขนาดของภาชนะที่ใช้
- เติมสีผสมอาหาร (ถ้าต้องการ): ถ้าต้องการให้การทดลองดูน่าสนใจ สามารถเติมสีผสมอาหารลงไปในภาชนะที่มีเบกกิ้งโซดา เพื่อให้เห็นการกระจายตัวของสีในฟองโฟม
- เติมน้ำส้มสายชู: เติมน้ำส้มสายชูลงไปในภาชนะที่มีเบกกิ้งโซดาอย่างรวดเร็ว
- สังเกตผลลัพธ์: หลังจากเติมน้ำส้มสายชูลงไปในเบกกิ้งโซดา จะเกิดฟองโฟมที่ล้นออกมาจากภาชนะ เนื่องจากการเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) จากปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้น
ผลลัพธ์ที่ได้:
- เมื่อเบกกิ้งโซดา (ซึ่งเป็นเบส) ถูกผสมกับน้ำส้มสายชู (ซึ่งเป็นกรด) จะเกิดปฏิกิริยาเคมีที่ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ซึ่งจะทำให้เกิดฟองโฟมล้นออกจากภาชนะ
- หากเติมสีผสมอาหารลงไป ฟองโฟมจะมีสีสันที่น่าสนใจมากขึ้น
การอธิบายปฏิกิริยา:
การทดลองนี้แสดงถึงปฏิกิริยาของกรดและเบส ซึ่งจะเกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ที่เกิดจากการทำปฏิกิริยาระหว่างเบกกิ้งโซดา (NaHCO₃) และน้ำส้มสายชู (CH₃COOH)
สมการเคมีของปฏิกิริยา: NaHCO3(s)+CH3COOH(aq)→CO2(g)+H2O(l)+CH3COONa(aq)NaHCO₃ (s) + CH₃COOH (aq) \rightarrow CO₂ (g) + H₂O (l) + CH₃COONa (aq)NaHCO3(s)+CH3COOH(aq)→CO2(g)+H2O(l)+CH3COONa(aq)
ข้อควรระวัง:
- ควรให้ผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่คอยดูแลเด็กๆ ขณะทำการทดลอง
- ควรใช้ภาชนะที่มีความสูงพอสมควรเพื่อป้องกันไม่ให้ฟองโฟมล้นออกไปนอกภาชนะ
คำอธิบาย: การทดลองนี้เกิดจากการที่เบกกิ้งโซดา (สารเคมีชนิดหนึ่ง) ปฏิกิริยากับกรดในน้ำส้มสายชู ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งสร้างฟองโฟมออกมา
การทำลาวาไฟ (โฟมลาวา)
การทดลองนี้จะทำให้เด็กๆ ได้เห็นการสร้างโฟมลาวาที่มีลักษณะเหมือนกับลาวาไหลจากภูเขาไฟ โดยใช้วัสดุที่สามารถหามาได้ง่ายในบ้าน เป็นการทดลองที่น่าสนุกและช่วยสอนเรื่องการผสมสารเคมี และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาของสารต่างๆ
วัสดุที่ใช้:
- น้ำมันพืช (1/4 ถ้วย)
- น้ำ (1/4 ถ้วย)
- สีผสมอาหาร (สีใดก็ได้ตามต้องการ)
- เบกกิ้งโซดา (1-2 ช้อนชา)
- น้ำส้มสายชู (1/4 ถ้วย)
- ถ้วยหรือภาชนะที่มีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับโฟม
ขั้นตอนการทดลอง:
- เตรียมภาชนะ: เลือกภาชนะที่สามารถรองรับโฟมได้พอสมควร เช่น ถ้วยหรือแก้วที่มีความสูง
- ผสมน้ำมันและน้ำ: ใส่น้ำมันพืชลงในภาชนะ ตามด้วยน้ำ ในอัตราส่วน 1:1 (1/4 ถ้วยน้ำมันพืช กับ 1/4 ถ้วยน้ำ) จากนั้นใช้ช้อนหรือแท่งคนให้ส่วนผสมเข้ากัน
- เติมสีผสมอาหาร: ใส่สีผสมอาหารลงไปในส่วนผสมที่มีน้ำมันและน้ำ เพื่อให้ลาวามีสีสันตามที่ต้องการ
- เติมเบกกิ้งโซดา: ใส่เบกกิ้งโซดาลงไปประมาณ 1-2 ช้อนชาในส่วนผสมของน้ำและน้ำมัน
- เตรียมการปฏิกิริยา: ใส่น้ำส้มสายชูลงไปในภาชนะที่มีส่วนผสมทั้งหมด
- สังเกตผลลัพธ์: หลังจากเติมน้ำส้มสายชูลงไปในส่วนผสม เบกกิ้งโซดาจะเริ่มทำปฏิกิริยากับน้ำส้มสายชู และเกิดฟองที่มีลักษณะเหมือนลาวาไหลออกจากภูเขาไฟ
ผลลัพธ์ที่ได้:
- ฟองลาวาจะไหลออกจากภาชนะในลักษณะคล้ายกับลาวา เมื่อเกิดปฏิกิริยาระหว่างเบกกิ้งโซดากับน้ำส้มสายชู สารเคมีจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ที่ทำให้เกิดการฟอง
- สีผสมอาหารที่เติมลงไปจะช่วยให้ฟองลาวามีสีสันที่ดูน่าสนใจมากขึ้น
การอธิบายปฏิกิริยา:
ในปฏิกิริยานี้ เบกกิ้งโซดา (NaHCO₃) ซึ่งเป็นสารเบสจะทำปฏิกิริยากับน้ำส้มสายชู (CH₃COOH) ซึ่งเป็นสารกรด โดยเกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ที่ทำให้เกิดฟอง โฟมที่เกิดขึ้นจะล้นออกมาในลักษณะคล้ายลาวาไหลจากภูเขาไฟ
สมการเคมีของปฏิกิริยา: NaHCO3(s)+CH3COOH(aq)→CO2(g)+H2O(l)+CH3COONa(aq)NaHCO₃ (s) + CH₃COOH (aq) \rightarrow CO₂ (g) + H₂O (l) + CH₃COONa (aq)NaHCO3(s)+CH3COOH(aq)→CO2(g)+H2O(l)+CH3COONa(aq)
การที่น้ำมันพืชผสมกับน้ำจะสร้างความแตกต่างในความหนืด (viscosity) ของของเหลว ทำให้การไหลของโฟมคล้ายกับการไหลของลาวา
ข้อควรระวัง:
- ควรให้ผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ดูแลเด็กๆ ขณะทำการทดลอง
- ควรใช้ภาชนะที่มีขนาดใหญ่พอสมควรเพื่อป้องกันไม่ให้โฟมล้นออกไปนอกรอบ
- ควรระวังการใช้สีผสมอาหารที่อาจทำให้เสื้อผ้าหรือพื้นเป็นคราบ
ขั้นตอนการทดลอง:
- ใส่น้ำมันพืชลงในขวดพลาสติก
- เติมน้ำลงไปในขวดเพื่อให้เกิดการแยกชั้นระหว่างน้ำกับน้ำมัน
- เติมสีผสมอาหารลงไป
- ใส่เบกกิ้งโซดาลงไปในขวด
- เติมน้ำส้มสายชูลงไปแล้วสังเกตการเกิดฟองโฟมที่เหมือนลาวา
คำอธิบาย: การทดลองนี้แสดงให้เห็นถึงการทำปฏิกิริยาระหว่างเบกกิ้งโซดากับน้ำส้มสายชู ทำให้เกิดฟองโฟมที่เหมือนลาวา ซึ่งเป็นการแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่น่าสนุกและน่าตื่นเต้น
การทดลองทำสีเปลี่ยนจากน้ำเปล่า
การทดลองนี้จะทำให้เด็กๆ ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสีในน้ำที่เกิดจากการผสมสารต่างๆ ซึ่งเป็นการสอนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่เกิดจากการทำปฏิกิริยาระหว่างกรดและเบส และจะช่วยให้เด็กๆ เข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อม (กรด-เบส) และการเปลี่ยนสีได้อย่างชัดเจน
วัสดุที่ใช้:
- น้ำสะอาด (1 ถ้วย)
- เบกกิ้งโซดา (1-2 ช้อนชา)
- น้ำส้มสายชู (1-2 ช้อนชา)
- สีผสมอาหาร (สีใดก็ได้ตามต้องการ)
- ถ้วยหรือแก้วใส
ขั้นตอนการทดลอง:
- เตรียมน้ำสะอาด: ใส่น้ำสะอาดลงในถ้วยหรือแก้วใสประมาณ 1 ถ้วย
- เติมเบกกิ้งโซดา: ใส่เบกกิ้งโซดาลงไปในน้ำสะอาดประมาณ 1-2 ช้อนชา และคนให้เบกกิ้งโซดาละลายหมด
- เติมสีผสมอาหาร: เติมสีผสมอาหารลงไปในน้ำที่ผสมเบกกิ้งโซดาแล้ว เพื่อให้เกิดสีสันที่สวยงาม
- เติมน้ำส้มสายชู: ค่อยๆ เติมน้ำส้มสายชูลงไปในน้ำที่มีเบกกิ้งโซดาและสีผสมอาหารอยู่
- สังเกตการเปลี่ยนแปลงสี: หลังจากเติมน้ำส้มสายชูลงไป เด็กๆ จะเห็นว่าสีในน้ำจะเปลี่ยนไป
ผลลัพธ์ที่ได้:
- เมื่อน้ำส้มสายชู (ที่มีความเป็นกรด) ผสมกับเบกกิ้งโซดา (ที่มีความเป็นเบส) จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสีในน้ำ
- ผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับปริมาณของน้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดา และการผสมของสีผสมอาหาร
การอธิบายปฏิกิริยา:
ในการทดลองนี้ เบกกิ้งโซดา (NaHCO₃) ซึ่งเป็นสารเบสจะทำปฏิกิริยากับน้ำส้มสายชู (CH₃COOH) ซึ่งเป็นกรด ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ที่ทำให้เกิดการฟอง การเติมสีผสมอาหารจะช่วยให้การเปลี่ยนแปลงนี้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น เนื่องจากสีในน้ำจะเปลี่ยนไปเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง pH (ระดับความเป็นกรด-เบส) ของน้ำ
สมการเคมีของปฏิกิริยา: NaHCO3(s)+CH3COOH(aq)→CO2(g)+H2O(l)+CH3COONa(aq)NaHCO₃ (s) + CH₃COOH (aq) \rightarrow CO₂ (g) + H₂O (l) + CH₃COONa (aq)NaHCO3(s)+CH3COOH(aq)→CO2(g)+H2O(l)+CH3COONa(aq)
ข้อควรระวัง:
- ควรให้ผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ดูแลเด็กๆ ขณะทำการทดลอง
- ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำส้มสายชูโดยตรงกับผิวหนัง เนื่องจากอาจทำให้ระคายเคืองได้
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเด็กๆ ใช้สารเคมีในปริมาณที่ปลอดภัย
ขั้นตอนการทดลอง:
- ใส่น้ำสะอาดลงในถ้วย
- เติมสีผสมอาหารลงในน้ำเพื่อให้ได้สีที่ต้องการ
- เติมเบกกิ้งโซดาลงไป
- เติมน้ำส้มสายชูและสังเกตว่าความเป็นกรด-ด่างจะทำให้สีเปลี่ยนแปลง
คำอธิบาย: การทดลองนี้จะสอนเด็กๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสีตามความเป็นกรด-ด่าง (pH) ซึ่งเป็นการนำทฤษฎีทางเคมีมาใช้ในการทดลองที่สนุกสนาน
ประโยชน์ของการทดลองเคมีในบ้าน
การทดลองเคมีง่ายๆ สำหรับเด็กในบ้านไม่เพียงแต่สนุกและน่าสนใจ แต่ยังช่วยให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลายๆ ด้านที่สำคัญที่ส่งผลดีต่อการพัฒนาทักษะและความเข้าใจในวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะในด้านเคมี ดังนี้:
1. การพัฒนาทักษะการสังเกต
การทดลองเคมีจะช่วยให้เด็กๆ ได้ฝึกการสังเกตผลลัพธ์จากการทดลอง เช่น การเปลี่ยนแปลงของสี ฟองที่เกิดขึ้น หรือการปล่อยก๊าซ เมื่อเด็กๆ ได้สังเกตผลการทดลองและตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาจะสามารถพัฒนาทักษะการสังเกตที่แม่นยำขึ้น ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานในการเรียนวิทยาศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาทักษะนี้ยังช่วยให้เด็กๆ เรียนรู้การคิดอย่างมีวิจารณญาณและพิจารณาผลลัพธ์จากการทดลองอย่างรอบคอบ
2. การเข้าใจในวิทยาศาสตร์
การทดลองเคมีช่วยให้เด็กๆ เข้าใจหลักการพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ เช่น ปฏิกิริยาเคมี การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ และการทำงานของสารเคมี เด็กๆ จะได้เรียนรู้ว่าอะไรทำให้สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงในวิธีที่พวกเขาสามารถมองเห็นได้จริง เช่น เมื่อเบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำส้มสายชูจะเกิดฟองขึ้น ซึ่งทำให้เด็กๆ ได้เข้าใจถึงการทำงานของเคมีในชีวิตประจำวันได้อย่างชัดเจน
3. การกระตุ้นความสนใจในวิทยาศาสตร์
การทำการทดลองเคมีที่บ้านช่วยกระตุ้นความสนใจของเด็กๆ ในวิทยาศาสตร์ การเห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งในสารเคมีช่วยให้เด็กๆ รู้สึกสนุกและตื่นเต้นกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และอาจทำให้พวกเขามีความสนใจในสาขาวิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้น เด็กๆ ที่เคยทำการทดลองเคมีในบ้านอาจมีแนวโน้มที่จะเลือกเรียนวิทยาศาสตร์ในอนาคต ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาทักษะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสังคม
4. การเรียนรู้ผ่านการเล่น
การทดลองเคมีในบ้านช่วยให้เด็กๆ เรียนรู้ผ่านการเล่นและการทดลอง ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการสอนเด็กๆ การทดลองจะช่วยให้เด็กๆ ได้ทดลองทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง และได้ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการทดลองเหล่านั้น นอกจากนี้ การเรียนรู้ผ่านการเล่นยังทำให้เด็กๆ รู้สึกผ่อนคลายและสนุกสนาน และส่งผลดีต่อการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์
5. การเสริมสร้างทักษะการทำงานร่วมกัน
หากทำการทดลองร่วมกับเพื่อนหรือผู้ปกครอง เด็กๆ จะได้ฝึกทักษะการทำงานร่วมกัน เช่น การแบ่งงานกันทำ การสื่อสารและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การทดลองเคมีที่ทำร่วมกันสามารถเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเด็กๆ และคนในครอบครัวหรือเพื่อนๆ รวมถึงช่วยเสริมทักษะทางสังคมในการทำงานเป็นทีม
6. การพัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ
การทดลองเคมีในบ้านสามารถช่วยเสริมสร้างทักษะทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ เช่น การตั้งสมมติฐาน การทดลอง การวิเคราะห์ผล และการสรุปผล การทำการทดลองด้วยตนเองช่วยให้เด็กๆ ได้เข้าใจกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มากขึ้นและสามารถนำความรู้เหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ได้
สรุป
การทดลองเคมีง่ายๆ ที่บ้านเป็นวิธีที่ดีในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กๆ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้เด็กๆ ได้สนุกกับการทดลอง แต่ยังช่วยพัฒนาทักษะและความเข้าใจในวิทยาศาสตร์ การสังเกตการเปลี่ยนแปลง การทำงานร่วมกัน และการเรียนรู้ผ่านการเล่น การทดลองเหล่านี้ช่วยกระตุ้นความสนใจในวิทยาศาสตร์และเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ในวิธีที่สนุกและน่าสนใจ
ข้อควรระวังในการทดลองเคมี
การทดลองเคมีที่บ้านเป็นกิจกรรมที่สนุกและเป็นการเรียนรู้ที่ดีสำหรับเด็กๆ แต่เพื่อความปลอดภัยในการทดลอง จำเป็นต้องมีข้อควรระวังที่สำคัญดังนี้:
1. ใช้สารเคมีที่ปลอดภัย
เมื่อทำการทดลองเคมีที่บ้าน ควรเลือกใช้สารเคมีที่ไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก เช่น เบกกิ้งโซดา น้ำส้มสายชู หรือสารธรรมชาติที่ปลอดภัยในการใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากสารเคมีที่มีพิษหรือทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย การใช้สารธรรมชาติหรือสารเคมีที่ไม่เป็นพิษจะช่วยให้การทดลองปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
2. การควบคุมการทดลอง
ควรมีผู้ใหญ่หรือผู้ปกครองคอยดูแลและควบคุมการทดลองอยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าการทดลองดำเนินไปอย่างปลอดภัยและไม่เกิดอุบัติเหตุ ผู้ใหญ่สามารถช่วยแนะนำวิธีการทดลองและเตือนเด็กๆ ถึงข้อควรระวังในการใช้สารเคมีต่างๆ เช่น ห้ามสัมผัสสารเคมีที่อาจระคายเคืองผิวหนังหรือไม่ควรสูดดมกลิ่นจากสารบางประเภท
3. การทำความสะอาด
หลังจากการทดลองเสร็จสิ้น ควรทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลองให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากสารเคมีหรือสีผสมอาหารที่อาจเหลืออยู่ในอุปกรณ์และเป็นอันตรายต่อผิวหนังหรืออาหารในครั้งถัดไป ควรล้างอุปกรณ์ด้วยน้ำสะอาดและใช้ผ้าหรือกระดาษเช็ดให้แห้ง
4. การจัดการสารเคมี
หากใช้สารเคมีที่มีบรรจุภัณฑ์หรือฉลาก ควรอ่านคำแนะนำอย่างละเอียดก่อนการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับวิธีการใช้และการจัดการสารเคมีในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เช่น การทำให้สารเคมีเข้าตาหรือผิวหนัง ควรมีวิธีการปฐมพยาบาลที่เหมาะสม
5. ไม่ทดลองสารเคมีที่ไม่รู้จัก
ไม่ควรทดลองสารเคมีที่ไม่รู้จักหรือไม่มั่นใจในความปลอดภัยของสารนั้นๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่ไม่ได้มาตรฐานหรือสารที่มีสัญลักษณ์อันตรายโดยไม่มีความรู้เพียงพอ
6. การจัดเก็บสารเคมี
หลังจากการทดลองเสร็จสิ้น ควรเก็บสารเคมีและอุปกรณ์ทดลองให้พ้นจากมือเด็ก หรือในที่ที่เด็กไม่สามารถเข้าถึงได้ เช่น การเก็บในตู้เก็บของที่มีการล็อคหรือมีที่เก็บที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กๆ ไปหยิบใช้สารเคมีโดยไม่ตั้งใจ
7. การตรวจสอบพื้นที่ทดลอง
ตรวจสอบพื้นที่ที่ใช้ในการทดลองให้ปลอดภัยและเหมาะสม เช่น ใช้โต๊ะที่สะอาดและแข็งแรง ป้องกันไม่ให้สารเคมีหกเลอะเทอะ และควรใช้ผ้าคลุมโต๊ะหรือพื้นเพื่อป้องกันสารเคมีไม่ให้กระจายไปทั่ว
8. หลีกเลี่ยงการทดลองที่เกี่ยวข้องกับไฟหรือความร้อน
การทดลองเคมีบางประเภทอาจต้องใช้ความร้อนหรือเปิดไฟ ซึ่งควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เช่น ควรใช้เตาไฟหรืออุปกรณ์ที่ปลอดภัยและควบคุมการใช้งานอย่างใกล้ชิด หลีกเลี่ยงการทดลองที่เกี่ยวข้องกับการจุดไฟในพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย
สรุป
การทดลองเคมีง่ายๆ ที่บ้านเป็นกิจกรรมที่สามารถช่วยเสริมสร้างทักษะและความรู้ในวิทยาศาสตร์ให้กับเด็กๆ แต่การทดลองเคมีต้องมีการระมัดระวังและควบคุมอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยของเด็กและผู้ที่เกี่ยวข้อง การเลือกใช้สารเคมีที่ปลอดภัย การมีผู้ใหญ่คอยดูแล และการทำความสะอาดหลังการทดลองเป็นสิ่งที่สำคัญในการป้องกันอันตรายจากการทดลองเคมี
-
(0)
Essential Oil Citronella น้ำหอมกลิ่น ตะไคร้หอม
145 ฿
- ชื่อสินค้า : Essential Oil Citronella น้ำหอม กลิ่น ตะไคร้หอม
- ชื่อวิทยาศาสตร์ : Essential Oil Citronella
- ขนาดบรรจุ : 10 g
- Packing : ขวด (Bottle)
- COA และ MSDS : ติดต่อขอรับได้ที่ sales_worldchemical@hotmail.com
-
(0)
Essential Oil Lemon Grass น้ำหอม กลิ่น ตะไคร้บ้าน
175 ฿
- ชื่อสินค้า : Essential Oil Lemon Grass กลิ่น ตะไคร้บ้าน
- ชื่อวิทยาศาสตร์ : Essential Oil Lemon Grass
- ขนาดบรรจุ : 10 g
- Packing : ขวด (Bottle)
- COA และ MSDS : ติดต่อขอรับได้ที่ sales_worldchemical@hotmail.com
-
(0)
Essential Oil Peppermint น้ำหอมกลิ่น เปปเปอร์มิ้นท์
145 ฿
- ชื่อสินค้า : Essential Oil Peppermint น้ำหอม กลิ่น เปปเปอร์มิ้นท์
- ชื่อวิทยาศาสตร์ : Essential Oil Peppermint
- ขนาดบรรจุ : 10 g
- Packing : ขวด (Bottle)
- COA และ MSDS : ติดต่อขอรับได้ที่ sales_worldchemical@hotmail.com
-
-27%(0)
N95 Face Mask หน้ากากอนามัย ป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5
89 ฿Original price was: 89 ฿.65 ฿Current price is: 65 ฿.- ชื่อสินค้า : N95 Face Mask หน้ากากอนามัย ป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5
- ชื่อวิทยาศาสตร์ : N95 Face Mask
- Packing : 10ชิ้น/แพค
-
(0)
Premium Clear Mild กลีเซอรีนก้อน แบบใส
175 ฿ – 825 ฿
- ชื่อสินค้า : Premium Clear Mild กลีเซอรีนก้อน แบบใส
- ชื่อวิทยาศาสตร์ : Glycerin Soap / Soap Base
- สูตรเคมี :
- Packing : ถุง (Bag)
- COA และ MSDS : ติดต่อขอรับได้ที่ sales_worldchemical@hotmail.com
-
(0)
Premium Milky Mild กลีเซอรีนก้อน แบบขุ่น
185 ฿ – 875 ฿
- ชื่อสินค้า : Premium Milky Mild กลีเซอรีนก้อน แบบขุ่น
- ชื่อวิทยาศาสตร์ : Glycerin Soap / Soap Base
- สูตรเคมี :
- Packing : ถุง (Bag)
- COA และ MSDS : ติดต่อขอรับได้ที่ sales_worldchemical@hotmail.com
-
-13%(0)
กรดมะนาว (Citric Acid) ตราซันชายน์ ขนาด 25 กิโลกรัม
1,950 ฿Original price was: 1,950 ฿.1,700 ฿Current price is: 1,700 ฿.- ชื่อสินค้า : กรดมะนาว (Citric Acid) ตราซันชายน์
- ชื่อวิทยาศาสตร์ : Citric Acid
- สูตรเคมี : C₆H₈O₇
- Packing : ถุง (Bag)
- COA และ MSDS : ติดต่อขอรับได้ที่ sales_worldchemical@hotmail.com
-
(0)
กรดมะนาว (Citric Acid) ตราเพชร ขนาด 25 กิโลกรัม
1,950 ฿
- ชื่อสินค้า : กรดมะนาว (Citric Acid) ตราเพชร
- ชื่อวิทยาศาสตร์ : Citric Acid
- สูตรเคมี : C₆H₈O₇
- Packing : ถุง (Bag)
- COA และ MSDS : ติดต่อขอรับได้ที่ sales_worldchemical@hotmail.com
-
สนใจติดต่อ เวิลด์เคมีคอล กรุ๊ป ผู้นําด้านการจําหน่ายและนำเข้า สารเคมีภัณฑ์ เคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม ขนาดใหญ่ และ ขนาดย่อม ประเภท เคมีอุตสาหกรรม เคมีทําความสะอาด เคมีสระว่ายน้ำ เคมีบำบัดน้ำ เคมีงานปั้น-งานหล่อ เคมีอาหาร กลิ่น สารสกัด สี น้ำหอม เคมีเครื่องสำอาง อาทิ กลีเซอรีน โซดาไฟเกล็ด โซเดียมเมต้าไบซัลไฟต์ เอทิลแอลกอฮอล์ ฯลฯ สารพัดด้านเคมี เวิลด์เคมิคอล กรุ๊ป พร้อมให้บริการและให้ปรึกษากับลูกค้าทุกท่าน
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Line ID : @worldchemical
Facebook : https://www.facebook.com/chemical.chiangmai
เว็บไซต์ : www.worldchemical.co.th
โทร : 053 204 446-7