เคมีภัณฑ์ เพื่อกำจัดคราบเหนียวและคราบสกปรกในเครื่องซักผ้าของเรา
วันนี้เรามารู้จักกับ เกร็ดความรู้เกี่ยวกับ เคมีภัณฑ์ ผงล้างเครื่องซักผ้า
เครื่องซักผ้าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในทุกวัน แต่บางครั้งเราอาจละเลยการดูแลรักษา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการใช้งาน ดังนั้น ชุดทำความสะอาดเครื่องซักผ้ากลายเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องใช้เพื่อรักษาเครื่องซักผ้าให้มีประสิทธิภาพและยืนยาว
การทำความสะอาดเครื่องซักผ้าอย่างสม่ำเสมอช่วยลดการสะสมของคราบซึ่งอาจทำให้เครื่องทำงานผิดปกติได้ นอกจากนี้ การดูแลเครื่องซักผ้าอย่างถูกวิธียังช่วยให้เครื่องใช้งานได้นานขึ้น
เครื่องซักผ้าที่สะอาดจะช่วยให้ผลลัพธ์การซักผ้ามีความสะอาดและไม่มีเชื้อโรค ทำให้เสื้อผ้าและผ้าห่มที่ซักด้วยเครื่องซักผ้ามีคุณภาพสูง
ปกติแล้วส่วนประกอบหลักของผงล้างเครื่องซักผ้านั้นจะมี “โซเดียมเมตต้าซิลิเกต” (Sodium metasilicate) ที่เป็นด่างค่อนข้างแก่ และส่งผลทำให้เคลือบอนุภาคของสิ่งสกปรกและผิวของโลหะให้แยกออกจากกัน ทำให้สิ่งสกปรกที่เกาะอยู่ที่ผิวของเครื่องซักผ้านั้นหลุดออกมาแล้วไม่สามารถย้อนกลับไปเกาะที่ผิวของเครื่องซักผ้าได้
แถมยังมี “โซเดียมเปอร์คาร์บอเนต” (Sodium Percarbonate) ที่เป็นสารฟอกขาวที่เป็นด่างและสลายตัวให้โซดาแอช (Soda ash) และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen peroxide) ออกมาได้ที่อุณหภูมิค่อนข้างสูง ทำให้อนุภาคที่หลุดออกมานั้นถูกฟอกสีออกบางส่วน และด้วยความเป็นด่างจากโซดาแอชนั้นก็จะทำให้สิ่งสกปรกนั้นกระจายตัวได้ค่อนข้างดี รวมไปถึงช่วยในการกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ที่สามารถสร้างกลิ่นอับในเครื่องซักผ้าได้ดีด้วย
อีกทั้งยังมีส่วนประกอบของสารซักล้างอย่างพวก “โซเดียมลอริลซัลเฟต” (Sodium Lauryl Sulfate : SLS) ที่สามารถลดแรงตึงผิว และช่วยทำให้สารเคมีข้างต้นสามารถแทรกซึมเข้าสู่คราบได้เป็นอย่างดี
แล้วอาจจะมีเอนไซม์โปรตีเอสที่ทนด่างได้ ที่สามารถช่วยย่อยคราบโปรตีนทำให้เกิดการสลายคราบได้เร็วขึ้น
และนอกจากนั้นอาจจะมีส่วนผสมลับๆที่ทางผู้ผลิตนั้นผสมลงไปเพื่อทำให้ประสิทธิภาพของผงล้างเครื่องซักผ้านั้นดีขึ้นและสูงขึ้นด้วย
ซึ่งการใช้งานนั้นจะได้ผลดีมากขึ้น ถ้าใช้ “อุณหภูมิ” ช่วยด้วย โดยมากก็มักจะตั้งความร้อนกันที่ 60-90 องศาเซลเซียสกันเลยทีเดียว
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเวลาซื้อผงล้างเครื่องซักผ้ามาใช้กับเครื่องซักผ้าฝาบนที่ไม่มีระบบตั้งความร้อน แล้วรู้สึกว่าแทบจะไม่ได้ผลดีเท่าที่คิด
****แต่ก็เรียกว่า “ยังดีกว่าที่ไม่ได้ล้างอะไรเลย”****
ซึ่งปกติแล้วหลังการล้างเครื่องซักผ้านั้น จะมีคราบสกปรกตกค้างในเครื่องซักผ้าของเราลอยว่อนกระจายตัวในน้ำซักหลงเหลือเสมอ
ดังนั้นหลังล้างเครื่องซักผ้านั้นจึงไม่ควรที่จะใช้สักเสื้อผ้าตัวเก่งของเราทันที เพราะอาจจะทำให้ได้เสื้อผ้าโรยสาหร่ายโนริ คราบตะไคร่แห้งดำๆเกาะบนเสื้อผ้าเราเป็นจุดๆได้
จึงควรที่จะซักผ้าขี้ริ้ว/ หรือผ้าที่ไม่ได้สวมใส่ออกนอกบ้านก่อนสัก 1-2 ครั้งเพื่อให้คราบที่ว่านี้ถูกทำให้เกาะไปบนผ้าเก่าเราไปให้หมดก่อน
ถ้าถามว่าใช้ได้ผลดีมั้ย?? บอกเลยว่า “ได้ผลค่อนข้างดีเลยแหละ แต่อย่าคาดหวังว่าคราบจะหลุดออกมาได้หมดเกลี้ยง ถ้าใช้ที่อุณหภูมิที่ไม่สูงมากนัก”
FAQs
- ทำไมต้องทำความสะอาดเครื่องซักผ้าอย่างสม่ำเสมอ?
- การทำความสะอาดเครื่องซักผ้าช่วยลดความเสียหายและยืนยาวของเครื่องซักผ้า
- สารทำความสะอาดใดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเครื่องซักผ้า?
- สารทำความสะอาดที่อ่อนโยนและไม่ทำให้เสียหายต่อเครื่องซักผ้าคือน้ำยาเช็ดเครื่องซักผ้า
- อะไรคือวิธีที่ดีที่สุดในการกำจัดราในเครื่องซักผ้า?
- การใช้น้ำส้มควันไม้และน้ำยาฆ่าเชื้อเป็นวิธีที่ดีในการกำจัดราในเครื่องซักผ้า
- ต้องทำความสะอาดเครื่องซักผ้าแบบไหนบ้างเมื่อมีกลิ่นไม่พึงประสงค์?
- ใช้น้ำยาล้างหรือน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีกลิ่นหอมเพื่อกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในเครื่องซักผ้า
- มีวิธีใดที่ช่วยในการลดการสะสมของคราบฝุ่นใยในเครื่องซักผ้าได้หรือไม่?
- การใช้ผงซักฟอกที่มีส่วนผสมในการล้างคราบฝุ่นใยในเครื่องซักผ้า
เคมีภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องซักผ้า
วิธีการทำใช้ชุดทำความสะอาดเครื่องซักผ้า
1.ผสมผงล้างเครื่องซักผ้า Part A และ Part B ในตัวถังเครื่องชักผ้า
2.เลือกโปรแกรมล้างถังอัตโนมัติ
วิธีนี้นอกจากจะทำให้เครื่องซักผ้าสะอาดแล้ว ยังช่วยป้องกันกลิ่นอับและขจัดแบคทีเรียได้อีกด้วย
การดูแลรักษาเครื่องซักผ้าเป็นสิ่งสำคัญที่จะให้เครื่องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและยืนยาว โดยการใช้ชุดทำความสะอาดเครื่องซักผ้าอย่างสม่ำเสมอ